สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

มะกอกน้ำ

มะกอกน้ำ 

          ลักษณะทางธรรมชาติ                
       * เป็นไม้ผลยืนต้นขนาดปานกลางอายุหลายสิบปีและไม่ผลัดใบ ปลูกได้ทุกพื้นที่ ทุกภาคและทุกฤดูกาล เจริญเติบโตดีในดินทรายหรือดินลูกรังร่วน มีอินทรีย์วัตถุมากๆ สังเกตมะกอกน้ำตามริมตลิ่งแม่น้ำลำคลองที่ได้รับน้ำตลอดเวลาต้นสูงใหญ่แต่เฝือใบไม่ออกดอกติดผล ส่วนต้นขึ้นตามที่ดอนขนาดต้นไม่ใหญ่หรือโตช้ากว่าแต่ออกดอกติดผลทุกปี และมะกอกน้ำที่ได้รับการบำรุงดีจะออกดอกติดผลปีละ 2 รุ่นเสมอ
 
               
       * ต้นอายุมากๆหรือยืนต้นได้ดีแล้วถูกน้ำท่วมขังค้างนานนับเดือนหรือหลายเดือนไม่ตาย ถ้าน้ำไม่ท่วมจนมิดยอด  ระหว่างถูกน้ำท่วมต้นจะแทงรากใหม่จากพื้นดินแหวกน้ำขึ้นมารับอากาศบนผิวน้ำ  จากนั้นต้นก็จะแตกใบอ่อนได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
                
       * เริ่มให้ผลผลิตเมื่ออายุต้น 1-1 ปีครึ่งหลังปลูก
     
           
       * ดอกจากจากซอกใบปลายกิ่ง  เป็นดอกสมบูรณ์เพศผสมตัวเองและต่างดอกต่างต้นได้

       * อายุผลตั้งแต่ดอกบานหรือผสมติดถึงเก็บเกี่ยว 4 เดือน  
                

       * ช่วงออกดอกติดผลต้องน้ำสม่ำเสมอ  แต่ช่วงพักต้นต้องการน้ำน้อย  หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตหมดต้นแล้วปล่อยให้พักต้น (ไม่ต้องให้น้ำ) ไปสักระยะหนึ่งก่อน  เมื่อเข้าสู่หน้าฝนจึงระดมให้น้ำแล้วเข้าสู่ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อไปจะออกดอกติดผลดกและดีมาก
                
       * เทคนิคบำรุงต้นแบบให้มีสารอาหารกินตลอด 24 ชม.(ซากสัตว์ฝังโคนต้น) ต่อเนื่องหลายๆปีจะช่วยให้ต้นมีความสมบูรณ์สูง  จะส่งผลให้ออกดอกติดผลดกดีถึงขนาดออกตลอดปีแบบไม่มีรุ่นได้
 
               
        * ที่รากมีจุลินทรีย์กลุ่มฟังก์จัยซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดเห็ดตับเต่าและเห็ดอื่นๆอีกหลายชนิด จุลินทรีย์เหล่านี้เป็นประโยชน์อย่างมากต่อมะกอกน้ำ จึงควรบำรุงจุลินทรีย์โดยให้สารอาหาร ได้แก่ กากน้ำตาล รำละเอียด ปุ๋ยหมัก-ปุ๋ยคอก และรักษาระดับความชื้นให้เหมาะสมอยู่เสมอ

     
   * แปลงปลูกที่ระดับน้ำใต้ดินตื้นหรือช่วงบำรุงผลได้รับน้ำมากและขาดธาตุรอง/ธาตุเสริมจะทำให้เนื้อไม่แน่น                         

          สายพันธุ์
                
       - พันธุ์เกษตร.  พันธุ์แก้มแหม่ม.  พันธุ์ก้นแป้น.  
                
       - พันธุ์ผลก้นแป้นผลใหญ่เมล็ดเล็กดีกว่าพันธุ์ผลก้นแหลม
                 

         การขยายพันธุ์
                
         ตอน (ดีที่สุด).  ปักชำ.  ทาบกิ่ง.  เสียบยอด.
                 

         ระยะปลูก
                
       - ระยะปกติ       4 X 6  ม. หรือ  6 X 6 ม.
                
       - ระยะชิดพิเศษ  2 X 4  ม. หรือ  4 X 4 ม.
                   

         เตรียมดินและอินทรีย์วัตถุ  
                
       - ใส่ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ/นกกระทา (แห้งเก่าข้ามปี) ปีละ 2 ครั้ง
  
     - ให้ยิบซั่มธรรมชาติ  ปีละ 2 ครั้ง                
       - ให้กระดูกป่น  ปีละ 1 ครั้ง  
                
       - คลุมโคนต้นด้วยเศษพืชแห้งหนาๆเต็มพื้นที่บริเวณทรงพุ่ม  ล้ำออกไปถึงนอกเขตทรงพุ่ม
                
      
 - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิงหรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน/ครั้ง
                
         หมายเหตุ :
                
       - การฝังซากสัตว์ เช่น หอยเชอรี่  ปลาสด  เป็นชิ้นเท่าลูกมะนาวหรือบดละเอียด ที่ชายเขตทรงพุ่ม 4-5 หลุม/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม. ฝังปีเว้นปี เพื่อให้ต้นมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม. ต่อเนื่องหลายๆปีจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์สูงพร้อมต่อการบำรุงทุกขั้นตอน  
                
       - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ (ทางใบ-ทางราก) บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นหยุดการเจริญเติบโต ไม่แตกใบอ่อน  ผลหยุดขยายขนาดแล้วกลายเป็นผลแก่  การให้ทางใบอาจเป็นแหล่งอาศัยและแพร่ระบาดของเชื้อราได้  
                
    
   - ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อ ต้นมีสภาพความสมบูรณ์สูง                 

         เตรียมต้น
                
         ตัดแต่งกิ่ง :
                
       - ธรรมชาติของมะกอกน้ำจะทิ้งกิ่งเองจึงไม่จำเป็นต้องตัดแต่งกิ่ง แต่ถ้าต้นได้รับการตัดแต่งกิ่งเพื่อควบคุมขนาดทรงพุ่มหรือเพื่ออื่นใดก็ตาม   มะกอกน้ำต้นนั้นจะเว้นการออกดอกติดผลไปอย่างน้อย 1 ปีเสมอหรือต้องรอให้ยอดแตกใหม่มีอายุข้ามปี            
        
       - หากต้องการตัดแต่งเพื่อการแตกยอดใหม่ให้ตัดกิ่งกระโดง  กิ่งในทรงพุ่ม  กิ่งคดงอ  กิ่งชี้ลง  กิ่งไขว้  กิ่งหางหนู  กิ่งเป็นโรค  ทั้งนี้ภายในทรงพุ่มควรให้โปร่งจนแสงส่องผ่านลงไปถึงโคนต้นได้
                
       - ตัดทิ้งเพื่อไม่ให้แตกใหม่ป้องกันทรงพุ่มทึบเกินไปให้ตัดชิดลำกิ่งประธาน
       - ตัดยอดกิ่งประธาน (ผ่ากบาล) ณ ความสูงต้นตามต้องการ  นอกจากช่วยทำให้แสงแดดผ่านจากยอดเข้าสู่ภายในทรงพุ่มได้อย่างทั่วถึงแล้วแสงแดดที่ร้อนยังช่วยกำจัดเชื้อราได้เป็นอย่างดี และเพื่อควบคุมขนาดความสูงทรงพุ่มอีกด้วย                
       - นิสัยการออกดอกของมะกอกน้ำไม่จำเป็นต้องกระทบหนาว  แต่ถ้าตัดแต่งกิ่ง-เรียกใบอ่อนช่วงต้นหน้าฝนแล้วเข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงต่อไปตามลำดับอย่างถูกต้องสม่ำเสมอจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์เต็มที่ดีกว่าการตัดแต่งกิ่งในช่วงอื่น 
                
         ตัดแต่งราก :
                
       - ต้นอายุยังน้อยไม่ควรตัดแต่งราก แต่ถ้าต้องการสร้างรากใหม่ให้มีประสิทธิภาพในการหาอาหารดียิ่งขึ้นใช้วิธีล่อรากด้วยการพูนโคนต้นด้วยดิน 3 ส่วนกับอินทรีย์วัตถุ 1 ส่วน
       -  ต้นอายุหลายปี  ระบบรากเก่าและแก่มาก  ให้พิจารณาตัดแต่งรากส่วนปลายออก 1 ใน 4 ด้วยการพรวนดินรอบทรงพุ่มลึก 10-15 ซม. หลังจากให้ฮอร์โมนบำรุงรากไปแล้วต้นจะแตกรากใหม่จำนวนมากขึ้นและมีประสิทธิภาพในการดูดซับสารอาหารได้ดีกว่าเดิม 

                      
ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อมะกอกน้ำ       

         1. เรียกใบอ่อน
                
            ทางใบ :                
          - ให้น้ำ 100 ล. + 25-5-5 (200 กรัม) หรือ 46-0-0 (200 กรัม) สูตรใดสูตรหนึ่ง+ จิ๊บเบอเรลลิน 10  กรัม + แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. 1 รอบต่อการเรียกใบอ่อน 1 ชุดฉีดพ่นพอเปียกใบ
          - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน                 
            ทางราก  :                
          - ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7 (½-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
          - ให้น้ำปกติ  ทุก 2-3 วัน                
            หมายเหตุ :                
          - ลงมือปฏิบัติทันทีหลังตัดแต่งกิ่งและตัดแต่งรากเสร็จ                
          - หลังจากให้ทางใบไปแล้ว 5-7 วัน ถ้าต้นใดแตกใบอ่อนน้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ให้ฉีดพ่นซ้ำรอบสองด้วยอัตราและวิธีการเดิม เพราะถ้าต้นแตกใบอ่อนไม่พร้อมกันทั่วทั้งต้นจะส่งผลเสียหลายอย่างตั้งแต่การเร่งใบอ่อนเป็นใบแก่  การสะสมอาหารเพื่อการออก  การปรับ ซี/เอ็น เรโช.  การเปิดตาดอก  ซึ่งจะออกดอกไม่พร้อมกันทั่วทั้งต้น เมื่อดอกออกไม่พร้อมกันก็กลายเป็นผลได้ไม่พร้อมกันทำให้ยุ่งยากต่อการปฏิบัติบำรุงตามขั้นตอนอย่างมาก....แนวทางแก้ไข คือ ต้องบำรุงเรียกใบอ่อนให้ออกมาเป็นชุดเดียวพร้อมกันทั้งต้นให้ได้ 
          - มะกอกน้ำต้องการใบอ่อน 2 ชุด  ถ้าต้นสมบูรณ์ดี มีการเตรียมดินและปรับปรุงบำรุงดินสม่ำเสมอต่อเนื่องมาหลายๆปีแล้ว  หลังจากใบอ่อนชุดแรกเพสลาดแล้วให้เรียกใบอ่อนชุด 2 ต่อได้เลย  ใบชุด  2 นี้อาจจะออกไม่พร้อมกันทั้งต้นเหมือนชุดแรกแต่ก็จะออกห่างกันไม่เกิน7-10 วัน และหลังจากใบอ่อนชุด 2 เพสลาดก็ให้เข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงต่อไปตามปกติ        

        2. เร่งใบอ่อนเป็นใบแก่                
           ทางใบ  :               
         - ให้น้ำ 100 ล.+ 0-21-74 (200 กรัม) หรือ 0-39-39 (200 กรัม) สูตรใดสูตรหนึ่ง + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 กรัม + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.  ฉีดพ่นพอเปียกใบ
         - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน                
           ทางราก :                
         - ให้น้ำตามปกติ  ทุก 2-3 วัน                
           หมายเหตุ :                
         - ลงมือปฏิบัติเมื่อใบเริ่มแผ่กางรับแสงแดดได้
         - วัตถุประสงค์เพื่อเร่งใบชุดใหม่ให้สามารถสังเคราะห์อาหารได้  และเร่งระยะเวลาเรียกใบอ่อนชุดต่อไปได้เร็วขึ้น  กับทั้งเพื่อให้ใบอ่อนรอดพ้นจากทำลายของแมลงปากกัดปากดูด
         - ต้นที่สะสมความสมบูรณ์เต็มที่มานานหลายปีติดต่อกัน หลังจากใบอ่อนเริ่มแผ่กางแล้วให้ข้ามขั้นตอนการบำรุงไปสู่ขั้นตอนเปิดตาดอกได้เลย เพราะฟอสฟอรัส. กับโปแตสเซียม. ที่ช่วยเร่งใบอ่อนเป็นใบแก่นั้นช่วยเปิดตาดอกได้ด้วย       

        3. สะสมอาหารเพื่อการออกดอก               
           ทางใบ  :                
        -  ให้น้ำ 100 ล.+ 0-42-56 (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.  ทุก 5-7 วัน  ติดต่อกัน 2-3 รอบแล้วให้น้ำ 100 ล. + เอ็นเอเอ. 25 ซีซี. + ฮอร์โมนไข่  25 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. สลับ 1 รอบ โดยการฉีดพ่นพอเปียกใบ  ติดต่อกัน 1-2  เดือน จะช่วยให้ต้นสมบูรณ์เต็มที่
        - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน                
          ทางราก :                
        - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24 (½-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
        - ให้น้ำปกติ  ทุก 2-3 วัน                             
          หมายเหตุ :                
        - เริ่มปฏิบัติเมื่อใบเพสลาด                
        - แนวทางบำรุงให้ต้นได้สะสมอาหารเพื่อการออกดอกไว้มากที่สุดควรเตรียมแผนใช้เวลาบำรุง 2-2 เดือนครึ่ง โดยให้กลูโคสหรือนมสัตว์สดรอบแรกเมื่อเริ่มลงมือบำรุงและให้รอบ 2 ห่างจากรอบแรก 20-30 วัน                 
        - วัตถุประสงค์เพื่อให้ต้นได้สะสมสารอาหารทั้งกลุ่มสร้างดอก-บำรุงผล (ซี.) และกลุ่มสร้างใบ-บำรุงต้นไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้  จนกระทั่งเกิดอาการอั้นตาดอก ไม่มีการแตกใบอ่อนออกมาอีก  ถ้าต้นแตกใบอ่อนออกมาใหม่ก็จะต้องย้อนกลับไปบำรุงที่ขั้นตอนเร่งใบอ่อนให้เป็นใบแก่อีกครั้งซึ่งทำให้เสียเวลา                
        - เพื่อให้ต้นได้มีการสะสมอาหารเพื่อการออดอกมากยิ่งขึ้น  แนะนำให้ใส่มูลค้างคาว 100-200 กรัม/ต้นทรงพุ่ม 5 ม. ด้วยการละลายน้ำรดโคนต้นหรือฉีดอัดลงดินทุก 1 ตร.ม. บริเวณชายพุ่มจะเป็นการดียิ่งขึ้น.......ใช้มูลค้างคาวด้วยความระมัดระวังเพราะในมูลค้างคาวมีสารอาหารในการสร้างเมล็ด อาจมีผลกระทบช่วงบำรุงผลกลาง (หยุดเมล็ด-สร้างเนื้อ) ได้
        - ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงขั้นต่อไป คือ ปรับ ซี/เอ็น เรโช. ให้ทบทวนความทรงจำเมื่อครั้งเรียกใบอ่อนแล้วใบอ่อนออกมาพร้อมกันเป็นชุดเดียวทั่วทั้งต้นหรือไม่ ถ้าใบอ่อนออกมาพร้อมกันดีทั่วทั้งต้นให้ปรับ ซี/เอ็น เรโช. ต่อไปได้เลย  แต่ถ้าใบอ่อนออกมาไม่พร้อมกันเป็นชุดเดียวทั่วทั้งต้นและค่อนข้างต่างรุ่นกันมากก็ให้บำรุงสะสมอาหารเพื่อการออกดอกต่อไปอีก 2-3 รอบ เพื่อรอให้ใบอ่อนชุดหลังสะสมอาหารจนอั้นตาดอกดีเท่ากับใบอ่อนชุดแรกจากนั้นจึงลงมือปรับ ซี/เอ็น เรโช.  ทั้งนี้วัตถุประสงค์เพื่อทำให้มีดอกออกมาพร้อมกันเป็นชุดเดียวกันทั่วทั้งต้นนั่นเอง        

         4. ปรับ ซี/เอ็น เรโช                
            ทางใบ :                
          - ในรอบ 7 วันให้น้ำ 100 ล.+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. 2-3 รอบ  ห่างกัยรอบละ 5-7 วัน ฉีดพ่นพอเปียกใบ  ระวังอย่าให้ลงพื้น
          - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน                
            ทางราก :                
            งดน้ำ  แต่ไม่จำเป็นต้องเปิดหน้าดินโคนต้น                
            หมายเหตุ :                
          - ลงมือปฏิบัติเมื่อสังเกตเห็นความสมบูรณ์ของต้นชัดเจน                
          - ต้นที่มีอาการอั้นตาดอกดีจนพอใจแล้วไม่ต้องฉีดพ่นกลูโคสหรือนมสัตว์สดเพิ่มอีกแต่ถ้าต้นมีอาการอั้นตาดอกไม่ดีหรือยังไม่น่าพอใจ  แนะนำให้ฉีดพ่นกลูโคสหรือนมสัตว์ทางใบอีกซ้ำอีก 1 รอบ  โดยเว้นระยะเวลาให้ห่างจากที่เคยให้เมื่อช่วงสะสมอาหารไม่น้อยกว่า 30-45 วัน                  
          - วัตถุประสงค์เพื่อ  “เพิ่ม”  ปริมาณสารอาหารกลุ่มสร้างดอก-บำรุงผล (ซี.)และ  “ลด”  ปริมาณสารอาหารกลุ่มสร้างใบ-บำรุงต้น (เอ็น.)            
          - การปรับ ซี/เอ็น เรโช.ในมะกอกน้ำอาจไม่จำเป็น  แต่หากทำได้จะช่วยให้ต้นแทงตาดอกดีออกพร้อมกันเป็นรุ่นเดียวกันทั่วทั้งต้น        

        5. เปิดตาดอก                
           ทางใบ :                
         - ในรอบ 7 วันให้น้ำ 100 ล.+ ไธโอยูเรีย (100 กรัม) หรือ 0-52-34 (500 กรัม) สูตรใดสูตรหนึ่ง  + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 กรัม + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. 1 รอบกับให้   น้ำ 100 ล. + ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี. + เอ็นเอเอ. 25 ซีซี. + สาหร่ายทะเล  50 กรัม + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. อีก 1 รอบ  ฉีดพ่นพอเปียกใบ                
         - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน                
           ทางราก :                 
         - ยังคงเปิดหน้าดินโคนต้น                 
         - ให้น้ำพอหน้าดินชื้นหรือพอให้ต้นได้รู้สึกตัว                 
           หมายเหตุ :                
         - ลงมือปฏิบัติเมื่อต้นมีอาการอั้นตาดอกทั่วทั้งต้นหรือทุกจุดที่สามารถออกดอกได้
         - อาจจะพิจารณาใส่ 8-24-24  (100-200 กรัม)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.อีก 1 รอบก็ได้ด้วยการละลายน้ำรดโคนต้นพอหน้าดินชื้นเพื่อเสริมของเก่าที่ใส่เมื่อช่วงสะสมอาหารและช่วงที่ปรับ ซี/เอ็น เรโช.                 
         - มะกอกน้ำเป็นไม้ผลมีนิสัยออกดอกง่าย  หากบำรุงต้นให้สมบูรณ์เต็มที่อยู่เสมอติดต่อกันนานหลายๆปีก็สามารถออกดอกติดผลเองได้                
         - อาจจะพิจารณาใส่ 8-24-24  (100 กรัม)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.อีกครั้งก็ได้ด้วยการละลายน้ำรดโคนต้นพอหน้าดินชื้นเพื่อเสริมของเก่าที่ใส่เมื่อช่วงสะสมอาหารและช่วงที่ปรับ ซี/เอ็น เรโช.                 
         - หลังจากเปิดตาดอกแล้ว ถ้าดอกออกมาไม่มากพอ ระหว่างที่ดอกชุดแรกยังเป็นดอกตูมอยู่นั้น ให้เปิดตาดอกซ้ำอีก 1-2 รอบด้วยสูตรเดิม หรือจนกระทั่งดอกชุดแรกบานแล้วจึงยุติการเปิดตาดอกซ้ำ              

       6. บำรุงดอก                
           ทางใบ :                 
         - ให้น้ำ 100 ล. + 15-45-15 (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม  100 ซีซี. + เอ็นเอเอ. 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.  ฉีดพ่นพอเปียกใบ 1-2 รอบ   ห่างกันรอบละ 5-7 วัน                
         - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรช่วงค่ำ ทุก 2-3 วัน                    
           ทางราก :                 
         - ยังคงเปิดหน้าดินโคนต้น                 
         - ให้น้ำพอหน้าดินชื้น                
           หมายเหตุ :                     
         - ช่วงดอกตั้งแต่เริ่มแทงออกมาให้เห็น (ก้านดอกยาว 1-2 ซม.) หรือระยะดอกตูม  บำรุงด้วยฮอร์โมน เอ็นเอเอ. 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน จะช่วยบำรุงเกสรทั้งตัวผู้และตัวเมียให้สมบูรณ์พร้อมรับผสม แต่ต้องใช้ด้วยระมัดระวังเพราะถ้าให้เข้มข้นเกินไปจะเกิดความเสียหายต่อดอกและถ้าให้อ่อนเกินไปก็จะไม่ได้ผล                
         - ช่วงดอกเริ่มแทงออกมาใหม่ๆให้แคลเซียม โบรอน.  1 รอบ  จะช่วยให้ดอกสมบูรณ์ผสมติดดี                
         - ช่วงดอกตูมควรฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรให้บ่อยขึ้น เพื่อป้องกันกำจัดโรคและแมลงจนถึงช่วงดอกบาน               
         - ช่วงดอกบานควรงดการฉีดพ่นทางใบโดยเฉาะช่วงกลางวัน (08.00-12.00 น.) เพราะอาจทำให้เกสรเปียกจนผสมไม่ติดได้  หากจำเป็นต้องฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรให้ฉีดพ่นช่วงหลังค่ำ                
         - ระยะดอกบานถ้าตรงกับช่วงฝนชุกเกสรจะเปียกชื้นทำให้ผสมไม่ติด แก้ไขโดยกะระยะเวลาบำรุงให้ดอกออกมาแล้วไม่ตรงกับช่วงฝนชุกเท่านั้น  แต่ถ้าดอกออกมาตรงกับช่วงแล้งอากาศร้อนมากเกสรจะฝ่อทำให้ผสมไม่ติดเช่นกัน แก้ไขโดยสร้างความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศและที่พื้นดิน ทั้งในแปลงปลูกและรอบๆแปลงปลูก......มาตรการบำรุงต้นและดอกให้สมบูรณ์อย่างแท้จริงอยู่เสมอสามารถช่วยลดความสูญเสียได้เป็นอย่างมาก                 
         - ฉีดพ่นสารอาหารเพื่อบำรุงดอกด้วยเครื่องมือฉีดพ่นที่มีแรงลมพ่นเบาที่สุดตามความเหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อส่วนต่างๆของดอก  ฉีดพ่นที่ช่อดอกโดยตรงพอเปียกหรือฉีดพ่นให้ทั่งทรงพุ่มพอเปียกใบก็ได้                
         - บำรุงดอกช่วงฝนชุกให้เน้น  “สังกะสี และ แคลเซียม โบรอน”  โดยให้เมื่อดอกออกมาแล้วหรือให้แบบสะสมล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงเปิดตาดอก  ให้แบบเดี่ยวๆหรือผสมรวมไปกับธาตุอาหารอื่นๆก็ได้       

      7. บำรุงผลเล็ก                
          ทางใบ :                
        - ให้น้ำ 100 ล.+15-45-15 (200 กรัม) +  ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ ฮอร์โมนไข่ 25 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.  ทุก 7-10 วัน  ฉีดพ่นทางใบพอเปียกใบ                
        - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน               
          ทางราก :                
        - ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7 (½-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
        - นำอินทรีย์วัตถุกลับเข้าคลุมโคนต้นพร้อมกับเสริมยิบซั่มธรรมชาติและกระดูกป่น อัตรา 1 ใน 10 ส่วนของครั้งที่ใส่เมื่อช่วงเตรียมดิน                
       - ให้น้ำแบบค่อยๆเพิ่มปริมาณทีละน้อยๆ 3-4 รอบเพื่อให้ต้นรู้ตัวหลังจากนั้นจึงให้มากตามปกติ                
         หมายเหตุ :                
       - เริ่มบำรุงเมื่อผลเท่าเมล็ดถั่วเขียวหรือหลังกลีบดอกร่วง
       - เทคนิคการให้ปุ๋ยทางใบด้วยสูตร 15-45-15 ซึ่งเป็นสูตรเดียวกับบำรุงดอกนั้น วัตถุประสงค์เพื่อให้ P. สร้างเมล็ดก่อนในช่วงแรก  ซึ่งเมล็ดนี้จะเป็นผู้สร้างเนื้อต่อไปเมื่อผลโตขึ้น                 
       - ให้แคลเซียม โบรอน.  1 รอบ  จะช่วยบำรุงให้ขั้วเหนียว  เป็นผลเล็กที่สมบูรณ์พร้อมเป็นผลใหญ่คุณภาพดีต่อไป      

      8. บำรุงผลกลาง                
          ทางใบ :                
          ให้น้ำ 100 ล. + 21-7-14  (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม(100 ซีซี.) + ไคโตซาน 100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สาร
สกัดสมุนไพร 250 ซีซี.   ทุก 7-10 วัน  ฉีดพ่นพอเปียกใบ
          ทางราก :                
        - ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง +  21-7-14 (250-500 กรัม)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน                  
        - ให้น้ำปกติ  ทุก 2-3 วัน                 
          หมายเหตุ                
        - เริ่มบำรุงเมื่อเปลือกหุ้มเมล็ดเริ่มแข็ง (เข้าไคล)                 
        - วัตถุประสงค์เพื่อขยายขนาดผลและลดขนาดเมล็ด (หยุดเมล็ด-สร้างเนื้อ)
        - ถ้าต้นติดผลดกมากควรให้ ฮอร์โมนน้ำดำ.  แคลเซียม โบรอน. 1-2 รอบ โดยแบ่งให้ตลอดระยะผลกลางจะช่วยให้ต้นไม่โทรมเนื่องจากรับภาระเลี้ยงผลมาก       

      9. บำรุงผลแก่                
          ทางใบ :                
        - ให้น้ำ 100 ล. +  0-0-50 (200 กรัม)  หรือ  0-21-74  (200 กรัม) สูตรใดสูตรหนึ่ง 400 กรัม + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.  หรือ  น้ำ 100 ล. + มูลค้างคาวสกัด 100 ซีซี. + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.  1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วันก่อนเก็บเกี่ยว  ฉีดพ่นพอเปียกใบ                
        - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน                
          ทางราก :                
        - ให้ 13-13-21  หรือ  8-24-24 (250-500 กรัม)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
        - ให้น้ำเพื่อละลายปุ๋ยแล้วงดน้ำเด็ดขาด                
          หมายเหตุ :                
        - เริ่มให้ก่อนเก็บเกี่ยว 7-10 วัน 1-2 รอบห่างกันรอบละ 5-7 วัน    
        - การให้ 13-13-21 เหมาะสำหรับต้นที่มีผลรุ่นเดียวกันทั้งต้น  หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วต้นมักโทรมต้องเร่งบำรุงฟื้นฟูความสมบูรณ์ของต้น (เรียกใบอ่อน) กลับคืนมาโดยเร็วแล้วเข้าสู่วงรอบการบำรุงใหม่                  
        - การให้ 8-24-24 เหมาะสำหรับต้นที่มีผลหลายรุ่นในต้นเดียวกันหรือประเภททะวายทยอยออก แบบไม่มีรุ่นซึ่งหลังจากเก็บเกี่ยวผลแก่จัดไปแล้วต้นไม่โทรม  ใน 8-24-24 เป็นปุ๋ยประเภทสะสมอาหารเพื่อการออกดอก ซึ่งจะส่งผลให้กิ่งที่ยังไม่ออกดอกติดผลเกิดอาการอั้นแล้วออกดอกติดผลเป็นผลรุ่นใหม่ขึ้นมาอีกได้

view