สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ตะขบป่า

 ตะขบป่า

 
           ลักษณะทางธรรมชาติ
            
       * เป็นไม้ป่าพุ่มขนาดกลาง กิ่งยาวเหมือนเลื้อย เจริญเติบโตได้ดีในสภาพดินลูกรัง ดินเสื่อมโทรมขาดอินทรีย์วัตถุ ไม่ทนต่อสภาพน้ำขังค้างนาน
            
       * ออกดอกติดผลได้ตลอดปีจากซอกใบกิ่งแก่  เป็นดอกสมบูรณ์เพศผสมตัวเองหรือต่างดอกต่างต้นได้  ขนาดผลโตเท่าเหรียญห้าบาท  รสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย  ผลสีน้ำตาลดำ  กลิ่นหอมเฉพาะตัว   เนื้อสีเหลืองอมเขียว  เมล็ดเล็ก
            
       * ปัจจุบันไม่มีใครปลูกเป็นไม้ผลเศรษฐกิจนอกจากปลูกแซมแทรกไว้ตามพื้นที่ว่างในสวนเท่านั้น
             

          สายพันธุ์
            
          ตะขบป่า.  ตะขบบ้าน.  ตะขบยักษ์ไร้หนาม (ผลใหญ่ขนาดลูกปิงปอง).
                        
          การขยายพันธุ์
            
          ตอน.  แยกหน่อ (ดีที่สุด).  เพาะเมล็ด (กลายพันธุ์).
                        
          เตรียมดินและอินทรีย์วัตถุ  
            
        - ใส่ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ/นกกระทา (แห้งเก่าข้ามปี) ปีละ 2 ครั้ง
  
      - ให้ยิบซั่มธรรมชาติ  ปีละ 2 ครั้ง            
        - ให้กระดูกป่น  ปีละ 1 ครั้ง  
            
        - คลุมโคนต้นด้วยเศษพืชแห้งหนาๆเต็มพื้นที่บริเวณทรงพุ่ม  ล้ำออกไปถึงนอกเขตทรงพุ่ม
            
        
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิงหรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน/ครั้ง            
           หมายเหตุ :
            
        - การฝังซากสัตว์ เช่น หอยเชอรี่  ปลาสด  เป็นชิ้นเท่าลูกมะนาวหรือบดละเอียด ที่ชายเขตทรงพุ่ม 4-5 หลุม/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม. ฝังปีเว้นปี เพื่อให้ต้นมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม. ต่อเนื่องหลายๆปีจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์สูงพร้อมต่อการบำรุงทุกขั้นตอน  
            
        - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ (ทางใบ-ทางราก) บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นหยุดการเจริญเติบโต ไม่แตกใบอ่อน  ผลหยุดขยายขนาดแล้วกลายเป็นผลแก่  การให้ทางใบอาจเป็นแหล่งอาศัยและแพร่ระบาดของเชื้อราได้ 
            
       
 - ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อ ต้นมีสภาพความสมบูรณ์สูง              

          เตรียมต้น
            
          ตัดแต่งกิ่ง :
            
        - ตะขบออกดอกติดผลที่ซอกใบส่วนปลายกิ่งแก่อายุข้ามปี  การตัดแต่งกิ่งควรตัดให้เหลือใบประ
มาณ 50 เปอร์เซ็นต์และเมื่อใบอ่อนชุดใหม่ออกมาแล้วให้มีใบประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์จะช่วยให้การผลิดอกติดผลดี                  
        - ตัดกิ่งที่บังแสงแดดต่อกิ่งอื่นออก ทำให้ทรงพุ่มโปร่งจนแสงแดดสามารถส่องได้ทั่วถึงทุกกิ่ง  กิ่งที่ได้รับแสงแดดจะสมบูรณ์ดีกว่ากิ่งที่ไม่ได้รับแสงแดดหรือได้รับแสงแดดน้อย
        - นิสัยการออกดอกของตะขบไม่จำเป็นต้องกระทบหนาว  แต่ถ้าตัดแต่งกิ่ง-เรียกใบอ่อนช่วงต้นหน้าฝนแล้วเข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงต่อไปตามลำดับอย่างถูกต้องสม่ำเสมอจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์เต็มที่ดีกว่าการตัดแต่งกิ่งในช่วงอื่น
 
            
          ตัดแต่งราก :
            
        - ตะขบระยะที่ต้นอายุยังน้อยไม่ควรตัดแต่งรากแต่ถ้าต้องการสร้างรากใหม่ให้มีประสิทธิภาพในการหาอาหารดียิ่งขึ้นใช้วิธีล่อรากด้วยการพูนโคนต้นด้วยดิน 3 ส่วนกับอินทรีย์วัตถุ 1 ส่วน
            
        -  ต้นที่อายุหลายปี  ระบบรากเก่าและแก่มาก  ให้พิจารณาตัดแต่งรากส่วนปลายออก 1 ใน 4 ด้วยการพรวนดินรอบทรงพุ่มลึก 10-15 ซม. หลังจากให้ฮอร์โมนบำรุงรากไปแล้วต้นจะแตกรากใหม่จำนวนมากขึ้นและมีประสิทธิภาพในการดูดซับสารอาหารได้ดีกว่าเดิม
    

                        
   ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อตะขบ        

        1.เรียกใบอ่อน
            
            
           ทางใบ :  
                
           ให้น้ำ  100 ล. + 46-0-0 (200 กรัม) หรือ 25-5-5 (200 กรัม) สูตรใดสูตรหนึ่ง + จิ๊บเบอเรลลิน 10 ซีซี. + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.    ฉีดพ่นพอเปียกใบ  ทุก  5-7  วัน
 
                
           ทางราก :
                
         - ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7 (½-1) กก./ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
         - ให้น้ำเปล่า  ทุก  3-5  วัน                
           หมายเหตุ  : 
                
         - ใบอ่อนเมื่อออกมาแล้วต้องระวังโรคและแมลงศัตรูเข้าทำลายใบเพราะหากใบอ่อนชุดใดชุดหนึ่งถูกลายเสียหายจะต้องเริ่มเรียกชุดที่ 1 ใหม่  ซึ่งจะทำให้เสียเวลาและกำหนดระยะการออกดอกติดผลต้องเลื่อนออกไปอีกด้วย
  
                
         - เรียกใบอ่อนโดยการใส่ปุ๋ยทางรากสูตร 25-7-7 จะช่วยให้ได้ใบที่มีขนาดใหญ่ มีพื้นที่หน้าใบสังเคราะห์อาหารมาก  และคุณภาพดีกว่าใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ
            
         - หลังจากให้ทางใบไปแล้ว 5-7 วัน  ถ้าต้นใดแตกใบอ่อนน้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ให้ฉีดพ่นซ้ำรอบสองด้วยอัตราและวิธีการเดิม
          

       2.เร่งใบอ่อนเป็นใบแก่
                  
          ทางใบ :  
                
        - ให้น้ำ 100 ล.+ 0-21-74 (200 กรัม) หรือ 0-39-39 (200 กรัม) สูตรใดสูตรหนึ่ง + ธาตุรอง/ธาตุเสริม  100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร  250  ซีซี. 1-2 รอบ  ห่างกันรอบละ 5-7 วัน  ฉีดพ่นพอเปียกใบ 
                
        - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน
                
          ทางราก :
            
          ให้  8-24-24 (1/2 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
                
        - ให้น้ำปกติ  ทุก  2-3 วัน
               
          หมายเหตุ :
                
        - ลงมือบำรุงเมื่อใบอ่อนชุดแรกอกมาเริ่มแผ่กาง
                 
        - วัตถุประสงค์เพื่อเร่งใบชุดใหม่ให้สามารถสังเคราะห์อาหารและเร่งระยะเวลาเรียกใบอ่อนชุดต่อไปได้เร็วขึ้น  กับทั้งเพื่อให้ใบอ่อนรอดพ้นจากทำลายของแมลงปากกัดปากดูด
        
        3.สะสมอาหารเพื่อการออกดอก  
            
           ทางใบ :
                
         - ให้น้ำ 100 ล.+ 0-42-56 (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250
 ซีซี. ทุก 5-7 วัน  ติดต่อกัน 2-3 รอบแล้วให้น้ำ 100 ล. + เอ็นเอเอ. 25 ซีซี. + ฮอร์โมนไข่  25 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. สลับ 1 รอบ  พ่นพอเปียกใบ  ติดต่อกัน 1-2  เดือน จะช่วยให้ต้นสมบูรณ์เต็มที่
  
       - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน                
           ทางราก :
            
         - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24  หรือ  9-26-26 สูตรใดสูตรหนึ่ง (1-2 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
                
         - ให้น้ำเปล่าปกติทุก 2-3 วัน
                
           หมายเหตุ :
                
         - เริ่มปฏิบัติหลังจากใบอ่อนชุดสุดท้ายเพสลาด
                
         - แนวทางบำรุงให้ต้นได้สะสมอาหารเพื่อการออกดอกไว้มากที่สุดควรเตรียมแผนใช้เวลาบำรุง 2 เดือน โดยให้กลูโคสหรือนมสัตว์สดรอบแรกเมื่อเริ่มลงมือบำรุง   และให้รอบสองห่างจากรอบแรก 20-30 วัน 
                
         - ปริมาณ 8-24-24  หรือ 9-26-26  ใส่มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณการติดผลในรุ่นที่ผ่านมา กล่าวคือ ถ้ารุ่นที่ผ่านมาติดผลดกมาก  ผลผลิตมีคุณภาพดีมาก  ให้ใส่ในปริมาณที่มากขึ้น  แต่ถ้ารุ่นที่ผ่านมาติดผลดกน้อยหรือไม่ติดผลเลย  ให้ใส่ในปริมาณปานกลาง
                    

        4.ปรับ  ซี/เอ็น  เรโช  
            
           ทางใบ 
                
         - ในรอบ  7  วันให้น้ำ 100 ล. + 0-42-56 (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. จำนวน 1 ครั้งกับให้น้ำ 100 ล. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.  อีก 1 รอบ  ฉีดพ่นพอเปียกใบ
  
         ทางราก            
         - เปิดหน้าดินโคนต้น
                
         - งดน้ำเด็ดขาด
                 
           หมายเหตุ :
                
         - วัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มปริมาณ ซี. (อาหารกลุ่มสร้างดอก-บำรุงผล) และลดปริมาณ เอ็น. (อาหารกลุ่มสร้างใบ-บำรุงต้น) ซึ่งจะส่งผลให้ต้นออกดอกหลังการเปิดตาดอก
            
         - ต้นที่มีอาการอั้นตาดอกดีจนพอใจแล้วไม่ต้องฉีดพ่นกลูโคสหรือนมสัตว์สดเพิ่มอีกแต่ถ้าต้นมีอาการอั้นตาดอกไม่ดีหรือยังไม่น่าพอใจ  แนะนำให้ฉีดพ่นกลูโคสหรือนมสัตว์ทางใบอีกซ้ำอีก 1 รอบ โดยเว้นระยะเวลาให้ห่างจากที่เคยให้เมื่อช่วงสะสมอาหารไม่น้อยกว่า 30-45 วัน
  
       - ขั้นตอนการปรับอัตราส่วน  ซี/เอ็น  เรโช. จะสมบูรณ์ดีหรือไม่ให้สังเกตจากต้น ถ้าต้นเกิดอาการใบสลดแสดงว่าในต้นมีปริมาณ ซี.มากส่วนปริมาณ เอ็น.เริ่มลดลง และสังเกตความพร้อมของต้นได้จากลักษณะใบใหญ่หนาเขียวเข้ม  กิ่งช่วงปลายและใบกรอบเปราะ  ข้อใบสั้น  หูใบอวบอ้วน ตาดอกโชว์เห็นชัด                
         - การให้สารอาหารทางใบอย่าให้โชกจนตกลงถึงพื้นเพราะจะกลายเป็นการให้น้ำทางราก  ควรให้บางๆเพียงเปียกใบเท่านั้น
                
         - เมื่องดน้ำ (ไม่รดน้ำ) แล้วต้องควบคุมปริมาณน้ำใต้ดินโคนต้นไม่ให้มากเกินไปโดยการทำร่องระบายน้ำใต้ดินหรือร่องสะเด็ดน้ำด้วย
                         
        5.เปิดตาดอก
            
           ทางใบ :
                
           ให้น้ำ 100 ล. + สาหร่ายทะเล 100 ซีซี. + ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี. +ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. 1-2 รอบ  ห่างกันรอบละ 5-7 วัน   ฉีดพ่นพอเปียกใบ
                
           ทางราก :
                
         - ให้  8-24-24 (½ กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
                
         - ให้น้ำปกติทุก 2-3 วัน
            
           หมายเหตุ :               
                
           ตะขบเป็นไม้ป่าออกดอกง่าย   หากต้นสมบูรณ์จริงๆก็ออกดอกเองได้โดยไม่ต้องเปิดตาดอก
      

        6.บำรุงดอก
            
           ทางใบ
            
         - ให้น้ำ 100 ล. + 15-45-15 (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม  100  ซีซี. + เอ็นเอเอ. 100 ซีซี. + ฮอร์โมนไข่  25  ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.     ทุก  5-7  วัน   ฉีดพ่นพอเปียกใบ  
                
         - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก  3  วัน    
                
           ทางราก
             
         - ยังคงเปิดหน้าดินโคนต้นเช่นเดิม   
                
         - ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24 (½-1 กก)./ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
         - ให้น้ำพอหน้าดินชื้น                
           หมายเหตุ :
                
         - ช่วงดอกตั้งแต่เริ่มแทงออกมาให้เห็นหรือระยะดอกตูม  บำรุงด้วยฮอร์โมน เอ็นเอเอ. 1-2 รอบ จะช่วยบำรุงเกสรทั้งตัวผู้และตัวเมียให้สมบูรณ์พร้อมรับผสม แต่ต้องใช้ด้วยระมัดระวังเพราะถ้าให้เข้มข้นเกินไปจะเกิดความเสียหายต่อดอกและถ้าให้อ่อนเกินไปก็จะไม่ได้ผล
         - ช่วงดอกตูมควรฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรให้บ่อยขึ้น เพื่อป้องกันกำจัดโรคและแมลงจนถึงช่วงดอกบาน               
         - ช่วงดอกบานควรงดการฉีดพ่นทางใบโดยเฉาะช่วงกลางวัน (08.00-12.00 น.) เพราะอาจทำให้เกสรเปียกจนผสมไม่ติดได้  หากจำเป็นต้องฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรให้ฉีดพ่นช่วงหลังค่ำ
                
         - ระยะดอกบานถ้าตรงกับช่วงฝนชุกเกสรจะเปียกชื้นทำให้ผสมไม่ติด ต้องแก้ไขด้วยกะระยะเวลาบำรุงให้ดอกออกมาแล้วไม่ตรงกับช่วงฝนชุกเท่านั้น  แต่ถ้าดอกออกมาตรงกับช่วงแล้งอากาศร้อนมากเกสรจะฝ่อทำให้ผสมไม่ติดเช่นกัน แก้ไขด้วยการสร้างความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศและที่พื้นดินในทั้งในแปลงปลูกและรอบๆแปลงปลูก.......มาตรการบำรุงต้นและดอกให้สมบูรณ์อย่างแท้จริงอยู่เสมอจะช่วยลดความสูญเสียได้เป็นอย่างมาก 
               
         - เพื่อความมั่นใจในเปอร์เซ็นต์หรือประสิทธิภาพของฮอร์โมน เอ็นเอเอ. แนะนำให้ใช้ฮอร์โมนเอ็นเอเอ.วิทยาศาสตร์แทนฮอร์โมน เอ็นเอเอ.ทำเองจะได้ผลกว่า
                
         - ฉีดพ่นสารอาหารเพื่อบำรุงดอกด้วยเครื่องมือฉีดพ่นที่มีแรงลมพ่นเบาที่สุดตามความเหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อส่วนต่างๆของดอก  ฉีดพ่นที่ช่อดอกโดยตรงพอเปียกหรือฉีดพ่นให้ทั่งทรงพุ่มพอเปียกใบก็ได้
                
         - บำรุงดอกช่วงฝนชุกให้เน้น  “สังกะสี และ แคลเซียม โบรอน”  โดยให้เมื่อดอกออกมาแล้วหรือให้แบบสะสมล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงเปิดตาดอก ด้วยวิธีให้เดี่ยวๆหรือผสมรวมไปกับธาตุอาหารอื่นๆก็ได้
                
         - การไม่ใช้สารเคมีเลยติดต่อกันเป็นเวลานานๆ จนมีผึ้งหรือมีแมลงธรรมชาติอื่นๆจำนวนมาก  แมลงเหล่านี้จะช่วยผสมเกสรส่งผลให้กระท้อนติดผลดกขึ้น
         

       7.บำรุงผลเล็ก
            
          ทางใบ :              
                
        - ให้ น้ำ 100 ล. + 21-7-14 (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี. + ฮอร์โมนไข่  25 ซีซี. + สารสกัดสมุน
ไพร 250 ซีซี.   ฉีดพ่นพอเปียกใบ ทุก 5-7 วัน
  
      - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน                
          ทางราก :
                
        - นำอินทรีย์วัตถุกลับเข้าคลุมโคนต้นให้เหมือนเดิม  
                
        - ใส่ยิบซั่มธรรมชาติ 10 เปอร์เซ็นต์ของอัตราการใส่เมื่อช่วงเตรียมดิน
 
                
        - ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7 (1/2 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
        - ให้น้ำปกติทุก 2-3 วัน            
          หมายเหตุ :               
                
        - เริ่มปฏิบัติหลังจากกลีบดอกร่วง  หรือขนาดผลเท่าเมล็ดถั่วเขียว
                               
       8.บำรุงผลกลาง    
            
          ทางใบ :
                
        - ให้น้ำ 100 ล. + 21-7-14 (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + ไคโตซาน 100 ซีซี. + แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.    ทุก 7-10 
วัน  ฉีดพ่นพอเปียกใบ
        - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน                
          ทางราก :
                
        - ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 21-7-14 (1/2 กก)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./ครั้ง/เดือน 
                
        - ให้น้ำปกติ  ทุก 2-3 วัน
                
          หมายเหตุ :
                
        - เริ่มปฏิบัติเมื่อเมล็ดเริ่มเข้าไคลการที่จะรู้ว่าผลเริ่มเข้าไคลแล้ว
                
       
 - ถ้าต้นติดผลดกมากควรให้ฮอร์โมนน้ำดำ กับ แคลเซียม โบรอน 1-2 รอบ ตลอดระยะผลกลางจะช่วยให้ต้นไม่โทรมเนื่องจากรับภาระเลี้ยงผลมาก
       
       9.บำรุงผลแก่ก่อนเก็บเกี่ยว   
            
          ทางใบ :
                
        - ให้น้ำ 100 ล.+ มูลค้างคาวสกัด 100 ซีซี. + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ ฮอร์โมนไข่  25 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.  1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วันก่อนเก็บเกี่ยว  ฉีดพ่นพอเปียกใบ
   
     - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน                
          ทางราก :
                
       - เปิดหน้าดินโคนต้นแล้วงดน้ำ
                
       - ให้  13-13-21 หรือ  8-24-24 สูตรใดสูตรหนึ่ง (1/2 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
         หมายเหตุ :               
       - เริ่มปฏิบัติก่อนเก็บเกี่ยว 10-20 วัน
                
       - การบำรุงผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยวโดยให้ทางรากด้วย 13-13-21 จะทำให้ต้นโทรม  หลังเก็บเกี่ยวผลสุดท้ายไปจากต้นแล้วต้องเร่งบำรุงเพื่อฟื้นฟูสภาพต้นเรียกความสมบูรณ์กลับคืนมาทันที
                
       - การบำรุงผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยวโดยให้ทางรากด้วย 8-24-24 เหมาะสำหรับต้นที่มีผลหลายรุ่นซึ่งหลังจากเก็บเกี่ยวผลแก่รุ่นแรกไปแล้วจะช่วยบำรุงผลชุดหลังต่อ  นอกจากนี้ยังทำให้ต้นไม่โทรมเหมาะสำหรับการเตรียมความพร้อมต้นต่อการปฏิบัติบำรุงรุ่นปีต่อไปอีกด้วย   

         บำรุงตะขบให้ออกดอกติดผลตลอดปี
  
         ตะขบออกดอกติดผลได้แบบไม่มีรุ่น หลังจากที่ต้นได้อายุเริ่มให้ผลผลิตแล้วใช้วิธีบำรุงแบบให้มีสารอาหารกินตลอด 24 ชม.ต่อเนื่องติดต่อกันหลายๆปี และหมั่นตัดแต่งทรงพุ่มให้โปร่งเสมอก็จะมี ดอก + ผลหลายรุ่น  ในต้นเดียวกัน  จากนั้นให้ปฏิบัติบำรุง  ดังนี้
 
        ทางใบ :
                
       - ให้น้ำ  100 ล. + ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี. + แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 200 ซีซี.   ฉีดพ่นพอเปียกใบ  ทุก 7-10 วัน
                
       - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 3-5 วัน   
                
         ทางราก :
                
       - ใส่ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24 (1/2  กก.) 1 รอบ สลับกับ  21-7-14 (1/2 กก.) 1 รอบ ห่างกันรอบละ 20-30 วัน 
                
       - ให้น้ำปกติ  ทุก 2-3 วัน
                
         หมายเหตุ :
                
       - ให้แคลเซียม โบรอน. และฮอร์โมนน้ำดำ. 1-2 เดือน/ครั้ง    ฉีดพ่นพอเปียกใบ
       - ใส่ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/วัวนม + มูลไก่ไข่/ไก่เนื้อ + มูลค้างคาว)+ ยิบซั่มธรรมชาติ  6 เดือน/ครั้ง                
       - ใส่กระดูกป่นปีละ 1 ครั้ง
                
       - สวนยกร่องน้ำหล่อให้ลอกเลนก้นร่องขึ้นพูนโคนต้นปีละ 1 ครั้ง

view