ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อชมพู (ทุกสายพันธุ์)
1. เรียกใบอ่อน
ทางใบ :
ให้น้ำ 100 ล. + 46-0-0 (200 กรัม) หรือ 25-5-5 (400 กรัม) สูตรใดสูตรหนึ่ง+ จิ๊บเบอเรลลิน 10 ซีซี. + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.ฉีดพ่นพอเปียกใบ ทุก 5-7 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7 (½-1) กก./ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ให้น้ำเปล่า ทุก 3-5 วัน
หมายเหตุ :
- ใบอ่อนเมื่อออกมาแล้วต้องระวังโรคและแมลงศัตรูเข้าทำลายใบเพราะหากใบอ่อนชุดใดชุดหนึ่งถูกทำลายเสียหายจะต้องเริ่มเรียกชุดที่ 1 ใหม่ ซึ่งจะทำให้เสียเวลาและกำหนดระยะการออกดอกติดผลต้องเลื่อนออกไปอีกด้วย
- เรียกใบอ่อนโดยการใส่ปุ๋ยทางรากสูตร 25-7-7 จะช่วยให้ได้ใบที่มีขนาดใหญ่ มีพื้นที่หน้าใบสังเคราะห์อาหารมาก และคุณภาพดีกว่าใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ
- หลังจากให้ทางใบไปแล้ว 5-7 วัน ถ้าแตกใบอ่อนน้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ให้ฉีดพ่นซ้ำรอบสองด้วยอัตราและวิธีการเดิม
- ชมพู่ต้องการใบอ่อน 2 ชุด ถ้าต้นสมบูรณ์ดี มีการเตรียมดินและปรับปรุงบำรุงดินสม่ำเสมอต่อเนื่องมาหลายๆปีแล้ว หลังจากใบอ่อนชุดแรกเพสลาดแล้วให้เรียกใบอ่อนชุด 2 ต่อได้เลย ใบชุด 2 นี้อาจจะออกไม่พร้อมกันทั้งต้นเหมือนชุดแรกแต่ก็จะออกห่างกันไม่เกิน 7-10 วัน และหลังจากใบอ่อนชุด 2 เพสลาดให้เข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงต่อไปตามปกติ..........ถ้าต้นแตกใบอ่อนไม่พร้อมกันทั่วทั้งต้นจะส่งผลเสียหลายอย่างตั้งแต่การเร่งใบอ่อนเป็นใบแก่ การสะสมอาหารเพื่อการออก การปรับ ซี/เอ็น เรโช. การเปิดตาดอก ซึ่งจะออกดอกไม่พร้อมกันทั่วทั้งต้น และเมื่อดอกออกไม่พร้อมกันก็กลายเป็นผลไม่พร้อมกันทำให้ยุ่งยากต่อการปฏิบัติบำรุงตามขั้นตอนอย่างมาก.....แก้ไขโดยบำรุงเรียกใบอ่อนให้ออกมาเป็นชุดเดียวพร้อมกันทั้งต้นให้ได้
2. เร่งใบอ่อนเป็นใบแก่
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 0-21-74 (200 กรัม) หรือ 0-39-39 (200 กรัม) สูตรใดสูตรหนึ่ง + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ 1-2 รอบห่างกันรอบละ 3-5 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้ 8-24-24 (1/2 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ให้น้ำปกติ ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- ลงมือบำรุงเมื่อใบอ่อนชุดแรกอกมาเริ่มแผ่กาง
- วัตถุประสงค์เพื่อเร่งใบชุดใหม่ให้สามารถสังเคราะห์อาหารได้ และเร่งระยะเวลาเรียกใบอ่อนชุดต่อไปได้เร็วขึ้น กับทั้งเพื่อให้ใบอ่อนรอดพ้นจากทำลายของแมลงปากกัดปากดูด
- สารอาหารในกลุ่มเร่งใบอ่อนเป็นใบแก่มีฟอสฟอรัส.และโปแตสเซียม.) นอกจากช่วยเร่งใบอ่อนเป็นใบแก่แล้วยังช่วยเสริมประสิทธิภาพขั้นตอนสะสมอาหารเพื่อการออกดอกได้ด้วย
3. สะสมอาหารเพื่อการออกดอก
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล. + 0-42-56 (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 5-7 วัน ติดต่อกัน 2-3 รอบแล้วให้น้ำ 100 ล. + ฮอร์โมนไข่ 25 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. สลับ 1 รอบ ฉีดพ่นพอเปียกใบ ติดต่อกัน 1-2 เดือน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24 (1-2 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
- ให้น้ำปกติทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- เริ่มปฏิบัติหลังจากใบอ่อนชุดสุดท้ายเพสลาด
- ปริมาณ 8-24-24 หรือ 9-26-26 ใส่มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณการติดผลในรุ่นที่ผ่านมา กล่าวคือ ถ้ารุ่นที่ผ่านมาติดผลดกมาก ผลผลิตมีคุณภาพดีมาก ให้ใส่ในปริมาณที่มากขึ้น แต่ถ้ารุ่นที่ผ่านมาติดผลดกน้อยหรือไม่ติดผลเลยให้ใส่ในปริมาณปานกลาง
- แนวทางบำรุงให้ต้นได้สะสมอาหารเพื่อการออกดอกไว้มากที่สุดควรเตรียมแผนใช้เวลาบำรุง 2-2 เดือนครึ่ง ในห้วงนี้ให้กลูโคสหรือนมสัตว์สด 2 รอบ โดยรอบแรกให้เมื่อเริ่มลงมือบำรุงและให้รอบสองห่างจากรอบแรก 20-30 วัน
- การเพิ่มปริมาณปุ๋ยให้มากขึ้น หมายถึง การให้อัตราเดิมแต่ระยะเวลาให้ถี่ขึ้น เช่น จากเคยให้ 15 วัน/ครั้งก็ให้เปลี่ยนเป็น 10 วัน/ครั้ง
- ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงขั้นต่อไป คือ ปรับ ซี/เอ็น เรโช. ให้ทบทวนความทรงจำเมื่อครั้งเรียกใบอ่อนแล้วใบอ่อนออกมาพร้อมกันเป็นชุดเดียวทั่วทั้งต้นหรือไม่ ถ้าใบอ่อนออกมาพร้อมกันดีทั่วทั้งต้นให้ปรับ ซี/เอ็น เรโช.ต่อไปได้เลย แต่ถ้าใบอ่อนออกมาไม่พร้อมกันเป็นชุดเดียวทั่วทั้งต้นและค่อนข้างต่างรุ่นกันมากก็ให้บำรุงสะสมอาหารเพื่อการออกดอกต่อไปอีก 2-3 รอบ เพื่อรอให้ใบอ่อนชุดหลังสะสมอาหารจนอั้นตาดอกดีเท่ากับใบอ่อนชุดแรกจากนั้นจึงลงมือปรับ ซี/เอ็น เรโช. ทั้งนี้วัตถุประสงค์เพื่อทำให้มีดอกออกมาพร้อมกันเป็นชุดเดียวกันทั่วทั้งต้นนั่นเอง
4. ปรับ ซี/เอ็น เรโช
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล. + 0-42-56 (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน ฉีดพ่นพอเปียกใบ
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- เปิดหน้าดินโคนต้น
- งดน้ำเด็ดขาด
หมายเหตุ :
- วัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มปริมาณ ซี. (อาหารกลุ่มสร้างดอก-บำรุงผล) และลดปริมาณ เอ็น. (อาหารกลุ่มสร้างใบ-บำรุงต้น) ซึ่งจะส่งผลให้ต้นออกดอกหลังการเปิดตาดอก
- ต้นที่มีอาการอั้นตาดอกดีจนพอใจแล้วไม่ต้องฉีดพ่นกลูโคสหรือนมสัตว์สดเพิ่มอีกแต่ถ้าต้นมีอาการอั้นตาดอกไม่ดีหรือยังไม่น่าพอใจ แนะนำให้ฉีดพ่นกลูโคสหรือนมสัตว์ทางใบอีกซ้ำอีก 1 รอบ โดยเว้นระยะเวลาให้ห่างจากที่เคยให้เมื่อช่วงสะสมอาหารไม่น้อยกว่า 30-45 วัน
- ก่อนลงมือปรับ ซี/เอ็น เรโช จะต้องติดตามข่าวพยากรณ์อากาศให้มั่นใจว่าระหว่างปรับ ซี/เอ็น เรโช จะต้องไม่มีฝนตก เพราะถ้ามีฝนตกลงมา มาตรการงดน้ำก็ต้องล้มเหลว
- ขั้นตอนการปรับอัตราส่วน ซี/เอ็น เรโช. จะสมบูรณ์ดีหรือไม่ให้สังเกตจากต้น ถ้าต้นเกิดอาการใบสลดแสดงว่าในต้นมีปริมาณ ซี.มากส่วนปริมาณ เอ็น.เริ่มลดลง และความพร้อมของต้นก่อนลงมือเปิดตาดอก สังเกตได้จากลักษณะใบใหญ่หนาเขียวเข้ม กิ่งช่วงปลายและใบกรอบเปราะ ข้อใบสั้น หูใบอวบอ้วน
- การให้สารอาหารทางใบซึ่งมีน้ำเป็นส่วนผสมนั้น อย่าให้โชกจนตกลงถึงพื้นเพราะจะกลายเป็นการให้น้ำทางราก แนวทางปฏิบัติ คือ ให้บางๆเพียงเปียกใบเท่านั้น
- เมื่องดน้ำ (ไม่รดน้ำ) แล้วต้องควบคุมปริมาณน้ำใต้ดินโคนต้นไม่ให้มากเกินไปโดยการทำร่องระบายน้ำใต้ดินหรือร่องสะเด็ดน้ำด้วย
- กรณีสวนยกร่องน้ำหล่อต้องใช้ระยะเวลาในการงดน้ำนานมากกว่าจึงจะทำให้ใบสลดได้ อาจส่งผลให้แผนการผลิตที่กำหนดไว้คลาดเคลื่อน ดังนี้จึงจำเป็นต้องสูบน้ำออกตั้งแต่ก่อนปรับ ซี/เอ็น เรโช โดยกะคะเนให้ดินโคนต้นแห้งถึงขนาดแตกระแหงและมีความชื้นไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ตรงกับช่วงปรับ ซี/เอ็น เรโช พอดี
5. สำรวจความพร้อมของต้น
- เนื้อใบหนาเขียวเข้มส่องแดดไม่ทะลุ เส้นใบนูนเด่น หูใบอวบอ้วน ข้อใบสั้น ใบคู่สุดท้ายปลายกิ่งแก่จัด กิ่งช่วงปลายกลมเปราะหักง่าย มองจากภายนอกระยะไกลๆเห็นความสมบูรณ์ทางทรงพุ่มชัดเจน
- ผิวเปลือกตามลำต้นสดใสมีอาการแตกปริ
- รากใหญ่จำนวนมาก ปลายราก (หมวกราก) ยาวอวบอ้วนสดใส
6. ตรวจสอบสภาพอากาศ
ก่อนลงมือเปิดตาดอกให้ตรวจสอบข่าวสภาพอากาศให้แน่ใจว่าในอีก 15-20 วันข้างหน้าหรือวันที่ช่อดอกเริ่มแทงออกมานั้นจะต้องไม่มีฝนตกหรือมีสภาพอากาศปิด (ครึ้มฟ้าครึ้มฝน) เพราะสภาพอากาศปิดหรือมีฝนต้นชมพู่จะเปิดตาดอกไม่ออก แม้จะอั้นตาดอกดีเพียงใดก็ตาม แต่กลับแทงใบอ่อนออกมาแทน กรณีนี้ให้ระงับการเปิดตาดอกไว้ก่อนแล้วบำรุงต้นด้วยสูตร สะสมอาหารเพื่อการออกดอก ต่อไปจนกว่าจะมั่นใจว่าในวันที่ช่อดอกออกมานั้นไม่มีฝนหรืออากาศเปิดแน่จึงลงมือเปิดตาดอก
ชมพู่บางสายพันธุ์ไม่ค่อยมีปัญหาต่อการเปิดตาดอกช่วงอากาศปิด แม้ว่าหลังจากเปิดตาดอกแล้วมีฝนตกจนต้นแตกใบอ่อนออกมาก็ให้ถือใบอ่อนนั้นเป็นการเริ่มบำรุงขั้นตอนที่ 1ใหม่ รอจนกระทั่งใบอ่อนเพสลาดให้ใส่ปุ๋ยทางราก 8-24-24 หรือ 9-26-26 (1/2-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 5 ม.ควบคู่กับการฉีดพ่นปุ๋ยทางใบ 0-42-56 + แคลเซียมโบรอน จำนวน 1-2 รอบห่างกันรอบละ 5-7 วัน ชมพู่สายพันธุ์ที่ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องอากาศปิดนั้นก็จะแทงช่อดอกออกมาให้ปรากฏได้ ถ้าให้ทางใบด้วย 0-42-56 ไปแล้ว 2 รอบยังไม่ออกดอกก็ให้เปิดตาดอกด้วย 13-0-46 ต่ออีก 1-2 รอบ คราวนี้ถ้ายังไม่ออกอีกก็ต้องรอให้อากาศเปิดแล้วจึงเปิดตาดอก
6. เปิดตาดอก
ทางใบ :
สูตร 1 ....... ให้น้ำ 100 ล. + สาหร่ายทะเล 100 ซีซี. + ฮอร์โมนไข่ 100 ซี
ซี. +ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.
สูตร 2 ....... ให้น้ำ 100 ล. +13-0-46 (500 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100
ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.
เลือกใช้สูตรใดสูตรหนึ่งหรือทั้งสองสูตรแบบสลับครั้งกัน ห่างกันครั้งละ 5-7 วัน
ฉีดพ่นพอเปียกใบ
ทางราก :
- ให้ 8-24-24 หรือ 9-26-26 สูตรใดสูตรหนึ่ง (½ กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ให้น้ำปกติทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- เลือกใช้ให้ทางใบด้วยสูตรใดสูตรหนึ่งหรือใช้ทั้งสองสูตรแบบสลับครั้งกันก็ได้
- ต้นที่มีอาการอั้นตาดอกดีและสภาพอากาศพร้อมสำหรับเปิดตาดอกให้เปิดตาดอกด้วย 13-0-46 ถ้าอั้นตาดอกดีแต่ไม่แน่ใจว่าสภาพอากาศจะอำนวยหรือไม่ก็ให้เปิดตาดอกด้วย 0-42-56
- หลังจากเปิดตาดอกแล้ว ถ้าดอกออกมาไม่มากพอ ระหว่างที่ดอกชุดแรกยังเป็นดอกตูมอยู่นั้น ให้เปิดตาดอกซ้ำอีก 1-2 รอบด้วยสูตรเดิม หรือจนกระทั่งดอกชุดแรกบานแล้วจึงยุติการเปิดตาดอกซ้ำ
6. บำรุงดอก
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล. + 15- 45-15 (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + เอ็นเอเอ. 100 ซีซี. + ฮอร์โมนไข่ 25 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 5-7 วัน ฉีดพ่นใบพอเปียกใบ
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 3 วัน
ทางราก :
- ยังคงเปิดหน้าดินโคนต้นเช่นเดิม
- ให้ 8-24-24 หรือ 9-26-26 สูตรใดสูตรหนึ่ง (½-1 กก)./ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ให้น้ำพอหน้าดินชื้น
หมายเหตุ :
- ให้ฮอร์โมนจิ๊บเบอเรลลินเดี่ยวๆรอบที่ 1 เมื่อเห็นว่าดอกออกมามากจนพอใจแล้ว
- ถ้ามีดอกออกมาแล้วมีใบออกมาด้วย ให้ใช้ 0-42-56 แทน 15-45-15 เพื่อกดใบอ่อน
- ฉีดพ่นสารอาหารเพื่อบำรุงดอกด้วยเครื่องมือฉีดพ่นที่มีแรงลมพ่นเบาที่สุดตามความเหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อส่วนต่างๆของดอก ฉีดพ่นที่ช่อดอกโดยตรงพอเปียกหรือฉีดพ่นให้ทั่งทรงพุ่มพอเปียกใบก็ได้
- บำรุงดอกช่วงฝนชุกให้เน้น “สังกะสี และ แคลเซียม โบรอน” โดยให้เมื่อดอกออกมาแล้วหรือให้แบบสะสมล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงเปิดตาดอก ด้วยวิธีให้เดี่ยวๆหรือผสมรวมไปกับธาตุอาหารอื่นๆก็ได้
- การไม่ใช้สารเคมีมาเป็นเวลานานๆจะทำให้มีผึ้งหรือแมลงธรรมชาติอื่นๆเข้ามาช่วยผสมเกสรหรือมีสายลมช่วยพัดละอองเกสรตัวผู้ (ต่างต้น) ไปผสมกับเกสรตัวเมีย ก็จะช่วยให้ติดผลดกขึ้น
7. บำรุงผลเล็ก
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล. + 21-7-14 (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ แคลเซียมโบรอน 100 ซีซี. + ฮอร์โมนไข่ 25 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ ทุก 5-7 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- นำอินทรีย์วัตถุกลับเข้าคลุมโคนต้นให้เหมือนเดิม
- ใส่ยิบซั่มธรรมชาติ 10 เปอร์เซ็นต์ของอัตราการใส่เมื่อช่วงเตรียมดิน
- ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7 (1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./ครั้ง/เดือน
- ให้น้ำปกติทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- เริ่มปฏิบัติหลังจากกลีบดอกร่วง หรือขนาดผลเท่าเมล็ดถั่วเขียว
8. บำรุงผลกลาง
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล. + 21-7-14 (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + ไคโตซาน100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 7-10 วัน ฉีดพ่นพอเปียกใบ
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 21-7-14 (1/2 กก)/ต้น/ครั้ง/เดือน
- ให้น้ำปกติ ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- เริ่มปฏิบัติเมื่อเมล็ดเริ่มเข้าไคล การที่จะรู้ว่าผลเริ่มเข้าไคลแล้วจะต้องใช้วิธีสุ่มเก็บผลมาผ่าดูเมล็ดภายใน
- ถ้าต้นติดผลดกมากควรให้ฮอร์โมนน้ำดำ กับ แคลเซียม โบรอน 1-2 รอบ โดยแบ่งให้ตลอดระยะผลกลางจะช่วยให้ต้นไม่โทรมเนื่องจากรับภาระเลี้ยงผลมาก
9. บำรุงผลแก่ก่อนเก็บเกี่ยว
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล. + 0-21-74 (200 กรัม) หรือ 0-0-50 (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + ฮอร์โมนไข่ 25 ซีซี. + แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. หรือ น้ำ 100 ล. + มูลค้างคาวสกัด 100 ซีซี. + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วันก่อนเก็บเกี่ยว ฉีดพ่นพอเปียกใบ
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- เปิดหน้าดินโคนต้นแล้วงดน้ำ
- ให้ 13-13-21 หรือ 8-24-24 สูตรใดสูตรหนึ่ง (1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
หมายเหตุ :
- เริ่มปฏิบัติก่อนเก็บเกี่ยว 10-20 วัน
- การบำรุงผลแก่ก่อนเก็บเกี่ยวช่วง “หน้าแล้ง” โดยให้ 0-0-50 หรือ 0-21-74 ทางใบ กับให้ 13-13-21 หรือ 8-24-24 ทางราก จะทำให้ชมพู่มีรสหวานจัดมาก ดังนั้นช่วงหน้าแล้งจึงไม่จำเป็นต้องให้ทางใบ ให้เฉพาะทางรากอย่างเดียวก็พอ แต่ถ้าให้ทั้งทางใบและทางรากรสจะหวานจัดจนแสบคอ
- การบำรุงผลแก่ก่อนเก็บเกี่ยวช่วง “หน้าฝน” ควรให้ทางทางรากและทางใบคู่กัน โดยให้ทางใบด้วย 0-0-50 หรือ 0-21-74 กับให้ทางรากด้วย 8-24-24 หรือ 9-26-26 ให้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดฝน และเมื่อหมดฝนแล้วให้งดน้ำพร้อมกับบำรุงต่อไปอีก 10-15 วัน ก็จะได้รสหวานพอดี
- การบำรุงผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยวโดยให้ทางรากด้วย 8-24-24 หรือ 9-26-26 เหมาะสำหรับต้นที่มีผลหลายรุ่นซึ่งหลังจากเก็บเกี่ยวผลแก่รุ่นแรกไปแล้วจะช่วยบำรุงผลชุดหลังต่อ นอกจากนี้ยังทำให้ต้นไม่โทรมเหมาะสำหรับการเตรียมความพร้อมต้นต่อการปฏิบัติบำรุงรุ่นปีต่อไปอีกด้วย