สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ข้าวโพดหวาน


ข้าวโพดหวาน

           ลักษณะทางธรรมชาติ

       * เป็นพืชอายุสั้นฤดูกาลเดียว  ต้องการน้ำสม่ำเสมอเหมือนผักสวนครัว  ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้น้ำ ทุก 2-3 วัน  ซึ่งต่างจากข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ต้องการน้ำน้อยพอน้าดินชื้นเท่านั้น

       * ดอกตัวผู้ของข้าวโพด เรียกว่า  ดอกยอด  อยู่ที่ปลายยอดของต้น  ส่วนดอกตัวเมียเรียกว่า "ไหม"  อยู่ที่ปลายฝักของแต่ละฝัก.......ดอกตัวผู้เกิดก่อนดอกตัวเมีย 7-10 วัน

       * แช่เมล็ดพันธุ์ใน  "โบรอน"  เมื่อนำไปปลูกจะให้  "ดอกยอด"  มากกว่าปกติ 2-3 เท่า

       * จังหวะที่เกสรดอกตัวผู้พร้อมผสมมักตรงหรือใกล้เคียงกับเกสรตัวเมียของฝักแรก  กับช่วงต้นๆของฝักที่ 2 เท่านั้น  ครั้นดอกตัวเมียของฝักที่  3 หรือ 4 ออกมาจึงไม่มีละอองเกสรตัวผู้เข้าผสม  ทำให้ฝักที่  3 หรือ  4 ไม่ติดเป็นฝัก

       * แนวทางแก้ไข  คือ  หลังจากหยอดเมล็ดข้าวโพดรุ่นแรกไปแล้ว 10-15 วัน ให้หยอดเมล็ดรุ่นที่  2   หรือรุ่นที่  3 อีกรุ่นก็ได้ โดยให้แต่ละรุ่นห่างกัน 7-10 วัน  ทั้งนี้เพื่ออาศัยเกสรตัวผู้ของต้นรุ่นหลังไปผสมด้วยมือให้แก่ฝักที่  2-3-4  ของต้นรุ่นแรกนั่นเอง
          ปลูกข้าวโพดรุ่น 2-3 เพื่อเอาเกสรตัวผู้นี้  ใช้วิธีปลูกแซมแทรกระหว่างต้นรุ่นแรก  กระจายทั่วแปลงปลูกโดยเฉพาะด้านเหนือลม  เพื่ออาศัยสายลมช่วยพัดละอองเกสรส่วนหนึ่ง  กับช่วยผสมด้วยมืออีกส่วนหนึ่ง  ในขณะเดียวกัน  ต้นรุ่น 2-3 ก็สามารถเอาฝักได้เพราะมี  ฝัก + เกสรตัวเมีย  เช่นกัน  สำคัญแต่ว่าจะหาละอองเกสรตัวผู้จากที่ไหนมาช่วยผสมด้วยมือให้เท่านั้น
          กรณีที่ไม่ได้ปลูกต้นข้าวโพดต่างรุ่นไว้ในแปลงปลูกของตนเอง  ก็อาจจะขอแบ่งปันจากแปลงข้างเคียงก็ได้แต่ต้องเป็นข้าวโพดสายพันธุ์เดียวกันมาใช้ช่วยผสมด้วยมือแทนก็ได้

       * ตรวจสอบลักษณะเกสรตัวผู้ที่พร้อมผสมโดยเคาะเบาๆใส่แผ่นกระดาษแล้วมีละอองเกสรร่วงลงมา  และตรวจสอบลักษณะเกสรตัวเมียที่พร้อมผสมโดยสัมผัสเบาๆด้วยปลายนิ้วมือมือ  ถ้าเป็นยางเหนียวติดปลายนิ้วแสดงว่าพร้อมผสมแล้ว

       * วิธีช่วยผสมด้วยมือ  ให้ตัดก้านดอกยอดเบาๆ  นำไปป้ายเบาๆใส่ให้กับไหมที่ปลายฝัก 2-3 รอบ (เหมือนผสมเกสรสละ)  หรือเคาะละอองเกสรตัวใส่กระบอกพลาสติกแห้งสะอาด  ผสมกับแป้งทาตัวเด็ก  อัตราส่วน 1: 1  แล้วใส่ในกระบอกฉีดพ่นเกสร (เครื่องมือละอองเกสรทุเรียน)  นำไปฉีดพ่นใส่ไหมที่ปลายฝักก็ได้  ทั้งนี้ไหมของฝักใดได้รับละอองเกสรดอกยอดก็จะติดเป็นฝักสมบูรณ์และไม่เป็นข้าวโพดฟันหลอได้ทุกฝัก

       * ข้าวโพดมีเมล็ดไม่เต็มฝัก เรียกว่า  "ฟันหลอ"  เกิดจากสาเหตุหลายประการ  เช่น  เกสรตัวเมียกับเกสรตัวผู้ (ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่าย) ไม่สมบูรณ์แข็งแรงแล้วผสมกัน  หรือเกสรตัวผู้หมดอายุ  หรือสภาพอากาศไม่เหมาะสม (ร้อน/ชื้น)  หรือขาดสารอหาร

       * ธรรมชาติชาติข้าวโพดทุกสายพันธุ์ออก  ฝัก + ดอก  ได้ต้นละหลายๆฝัก  ตราบเท่าที่ได้รับสารอาหารกลุ่ม  สร้างดอก-บำรุงผล  อย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ก่อนฝักแรกจนถึงฝักสุดท้าย

       * แปลงปลูกที่ผ่านการเตรีมดินมาอย่างดี ปฏิบัติต่อเนื่องมาหลายๆรุ่นปลูก  กับต้นข้าวโพดที่ได้รับการบำรุงด้วยธาตุอาหารครบถ้วนสม่ำเสมอ  เมื่อต้นนั้นโตขึ้นจะมีกิ่งแขนงงอกออกมาตามข้อ  แต่ละกิ่งแขนงสามารถออกดอกแล้วติดเป็นฝักคุณภาพดีได้

       * การจัดระยะปลูกห่าง ลมพัดผ่านเข้าไปในใจกลางแปลงได้ทั่วถึง ใบไม่เกยทับซ้อนกันและรับแสงแดดได้เต็มที่  จะได้ผลผลิตทั้งปริมาณและคุณภาพเหนือกว่าแปลงที่ปลูกชิดกันมาก

       * ข้าวโพดหวานที่เกิดจากการผสมพันธุ์ในพื้นที่หนึ่ง  เมื่อนำไปปลูกในอีกพื้นที่หนึ่งซึ่งภูมิอากาศค่อนข้างแตกต่างกัน  คุณภาพผลผลิตมักจะแตกต่างกันด้วย  ดังนั้น จึงควรใช้เมล็ดพันธุ์ที่เกิดจาการผสมพันธุ์ในพื้นที่ใกล้เคียง  หรือแหล่งสร้างเมล็ดพันธุ์ที่มีสภาพภูมิอากาศคล้ายคลึงกัน

       * เก็บเกี่ยวข้าวโพดหวานช่วงเช้ามืดก่อนพระอาทิตย์ขึ้นแล้วนำไปนึ่งทันทีจะได้รสชาติของข้าวโพดหวานดีมาก  หากต้องการเก็บไว้นานหลังเก็บเกี่ยวเมื่อเก็บเกี่ยวมาแล้วควรเก็บในที่เย็น (ตู้เย็น)  ซึ่งความหวานจะลดลงน้อยกว่าการเก็บในที่แจ้ง......ข้าวโพดหวานนึ่งให้รสชาติดีกว่าการต้ม

       * เมื่อต้นโตได้ความสูงประมาณ 1 ม. หรือเริ่มมีรากเหนือพื้นดินงอกออกมาจากข้อเหนือพื้นดิน  ให้ เอ็นเอเอ. 1-2 รอบ  ห่างกันรอบละ 5-7 วัน  ระบบรากเหนือพื้นดินจะเจริญเติบโต  สมบูรณ์  แข็งแรง  ดีมาก  นอกจากนี้ยังทำให้ข้าวโพดต้นนั้นแตกยอกจากข้อแล้วพัฒนาเป็นกิ่ง  ซึ่งกิ่งนี้สามารถออกฝักได้เหมือนลำต้นประธาน  และเมิ่อบำรุงดี  ฝักจากกิ่งนี้ก็จะเจริญพัฒนาเป็นฝักสมบูรณ์ได้เช่นกัน

           สายพันธุ์
          ข้าวเหนียว.  ตักหงาย.   แปดแถว.  เทียน.  ข้าวโพดหวาน.  ข้าวเหนียวหวาน.

            
 เตรียมดิน
       1. เริ่มจากไถดินตากแดดจัด 15-20 แดดเพื่อกำจัดเชื้อโรคและวัชพืช ระหว่างตากแดดถ้ามีฝนตกต้องไถดินใหม่และเริ่มตากแดดใหม่
       2. ใส่อินทรีย์วัตถุและสารปรับปรุงบำรุงดิน (ยิบซั่มธรรมชาติ. กระดูกป่น. ปุ๋ยคอก. เศษพืชแห้ง.)
       3. ไถด้วยโรตารี่คลุกอินทรีย์วัตถุกับเนื้อดินให้เข้ากันดี
       4. คลุมแปลงด้วยหญ้าแห้งหรือฟางหนาๆ
       5. บ่มดินโดยรดด้วยน้ำจุลินทรีย์หรือปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง ทุก 15 วัน  ติดต่อกันนาน 1-2 เดือน


           เตรียมแปลง
        - ยกร่องแห้งลูกฟูก  สันร่องสูง 30-50 ซม.โค้งหลังเต่า  กว้าง 1-1.20 ม.  ร่องระหว่างสันแปลงกว้าง 1 ม.  ลึกจากพื้นระดับ 25-30 ซม.  ก้นสอบ
 
            เตรียมเมล็ดพันธุ์
        - เมล็ดพันธุ์ที่เคลือบสารเคมีกำจัดโรคให้ล้างน้ำจนสารเคมีนั้นออกให้หมดก่อน  ส่วนเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ได้เคลือบสารเคมีไว้ก่อนให้ดำเนินการได้เลย
        - นำเมล็ดแช่ในน้ำเปล่า  คัดทิ้งเมล็ดลอย  เก็บไว้เฉพาะเมล็ดจม
        - นำเมล็ดจมที่เลือกได้ลงแช่ใน  น้ำ + โบรอน (10 PPM)  นาน 6-12 ชม.  นำขึ้นผึ่งลมจนแห้ง  แล้วจึงนำไปหยอดในแปลงจริง  เมื่อโตขึ้นจะมีเกสรตัวผู้เพิ่มขึ้น 100-200 %เหมาะสำหรับแปลงปลูกเพื่อสร้างเมล็ดพันธํ

          ระยะปลูก
        - ระยะปกติ  75 X 75  ซม.
        - ระยะชิด    50 X 75 ซม.
 
            วิธีปลูก
        - หยอดเมล็ดหลุมละ 2-3 เมล็ด  หลังจากต้นกล้าได้ 2-3 ใบ  ถอนแยกต้นไม่สมบูรณ์ทิ้ง  เหลือต้นที่สมบูรณ์ไว้ 1-2 ต้น   การเหลือต้นสมบูรณ์ไว้  2 ต้น/1 หลุมให้พิจารณาระยะห่างจากต้นข้างเคียง  ถ้ามีพื้นที่ว่างระหว่างต้นพอก็ให้ไว้  2 ต้นได้
        - รองก้นหลุมด้วย  กากสะเดาแห้ง  หรือใบสาบเสือแห้ง  หรือใบยูคาแห้ง บดละเอียด หลุมละ  1 กำมือ  คลุกเคล้าให้เข้ากันดีกับดินก้นหลุม  เพื่อป้องกันแมลงกัดกันเมล็ดพันธุ์

                            ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อข้าวโพด
                                       (ทุกสายพันธุ์)

       1.  ระยะต้นเล็ก
            ทางใบ  :
          - ให้ น้ำ 100 ล. + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.ทุก  7-10 วัน  ฉีดพ่นพอเปียกใบ  ช่วงเช้าแดดจัด
          - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน
               ทางราก  :
          - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7 อัตรา 100-200 กรัม/ต้น/20 วัน  หว่านรอบโคนต้นแล้วรดน้ำตามเพื่อละลายปุ๋ย
          - ให้น้ำปกติ  ทุก 2-3 วัน
               หมายเหตุ  :
          - เริ่มให้หลังจากแตกใบอ่อนได้ 3-4 ใบ
          - ให้ฮอร์โมนน้ำดำ และ แคลเซียม โบรอน 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 7-10 วัน

       2. ระยะสะสมตาดอก – บำรุงดอก
           ทางใบ  :
           ในรอบ 7-10 วัน ให้น้ำ 100 ล. + 0-42-56 (400 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 100 ซีซี.  1 รอบกับให้น้ำ 100 ล. + ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี.+ เอ็นเอเอ. 25 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.   อีก  1 รอบ  ฉีดพ่นพอเปียกใบ  ช่วงเช้าแดดจัด
           ทางราก  :
           ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24  หรือ  9-26-26  สูตรใดสูตรหนึ่ง  อัตรา 100-200 กรัม/ต้น/20 วัน  หว่านรอบโคนต้นแล้วรดน้ำตามเพื่อละลายปุ๋ย
         - ให้น้ำปกติ  ทุก 2-3 วัน
              
หมายเหตุ  :
         - เริ่มให้เมื่ออายุต้น 30 วัน  หลังปลูก
         - นิสัยข้าวโพดทุกสายพันธุ์ออกดอกเองได้เมื่ออายุต้นเจริญเติบโตครบกำหนดโดยไม่ต้องเปิดตาดอกโดยเฉพาะ
         - การจัดช่วงเวลาให้  “0-42-56 + ธาตุรอง/ธาตุเสริม”    สลับกับ   “ฮอร์โมนไข่ + เอ็นเอเอ.”   ทุก 5-7 วัน นอกจากจะทำให้ต้นเตี้ยแล้วยังทำให้ต้นได้สะสมตาดอกดียิ่งขึ้น  ดังนั้น  เมื่อให้สูตรนี้  1 ครั้งจะทำให้มีฝักออกมา  1 ฝักเสมอ  หรือถ้าให้ตลอด  1 เดือนก็จะทำให้ได้ข้าวโพด 3-4  ฝัก/ต้น
 

       3. บำรุงฝักเล็ก – ก่อนเก็บเกี่ยว
           ทางใบ  :
         - ให้น้ำ 100 ล. + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ไคโตซาน 10 ซีซี.+ ฮอร์โมนไข่ 25 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.   ทุก 7-10 วัน  ฉีดพ่นพอเปียกใบ  ช่วงเช้าแดจัด
         - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุ 2-3 วัน
             ทางราก  :
           ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 21-7-14  (100-200 กรัม)/ต้น/20 วันละลายน้ำแล้วรดโคนต้น
         - ให้น้ำปกติ  ทุก 2-3 วัน
              หมายเหตุ  :
         - เริ่มให้เมื่อเกสรฝักสุดท้ายได้รับการผสมแล้ว 5-7 วัน
         - การใช้ปุ๋ยทางใบสำหรับไม้ผลสูตร  บำรุงผล-ขยายขนาด  กับข้าวโพดที่ขึ้นฝักแล้ว  จะช่วยบำรุงให้ได้ฝักขนาดใหญ่  น้ำหนักดี
         - ให้ฮอร์โมนน้ำดำ กับ แคลเซียม โบรอน  1-2  ครั้ง  โดยแบ่งให้ตลอดระยะฝักเล็กถึงเก็บเกี่ยว จะช่วยบำรุงให้ต้นไม่โทรม  ส่งผลให้ผลผลิตคุณภาพดี
         - ก่อนเก็บเกี่ยว 5-7 วัน อาจจะพิจารณาให้  “น้ำ 100 ล. + 0-21-74 (400 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.”   1 รอบ  ฉีดพ่นพอเปียกใบก็จะทำให้คุณภาพฝักดีขึ้น
         - ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อต้นมีสภาพความสมบูรณ์สูง  

view