[ กล้วยหอม. กล้วยน้ำว้า. กล้วยไข่. กล้วยเล็บมือนาง. ]
ลักษณะทางธรรมชาติ (ทุกสายพันธุ์)
* ในประเทศไทยมีกล้วยหลายร้อยสายพันธุ์ ปัจจุบันสถานีวิจัยปากช่อง นครราชสีมา ได้รวบรวมพันธุ์กล้วยที่มีค่าทางเศรษฐกิจไว้มากกว่า 50 สายพันธุ์
* เป็นพืชอายุสั้นฤดูกาลเดียวหลังจากให้ผลผลิตแล้วต้นตายแต่มีหน่อสืบต่อ (ไม่แยกหน่อไปปลูกใหม่) ทำให้กลายเป็นพืชอายุยืนนานหลายสิบปีได้ โดยเฉพาะกล้วยน้ำว้าที่มีหน่อสืบแทนต้นแม่มีอายุยืนนานหลายปี แต่ผลผลิตที่เกิดจากหน่อสืบต่อแทนต้นแม่นั้นคุณภาพจะด้อยลงจนถึงขนาดมีเมล็ด
* ระหว่างกล้วยน้ำว้า กล้วยหอม กล้วยไข่ ปลูกในแปลงเดียวกัน บำรุงรักษาอย่างเดียวกัน กล้วยไข่จะออกเครือก่อนแล้วกล้วยหอมและกล้วยน้ำว้าจะออกเครือที่หลังตาม ลำดับ
* เป็นพืชอวบน้ำต้องการความชุ่มชื้นสูงทั้งในดิน ผิวดินและความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศสูง ไม่ชอบน้ำขังค้างนาน ต้นที่ขาดน้ำจะโตช้า ให้ผลผลิตไม่ดี ถ้าอากาศหนาวเย็นจะโตช้าและผลก็แก่ช้าด้วย
* ขณะต้นแม่ยังไม่ออกเครือไม่ควรแยกหน่อเพราะจะทำให้กระทบกระเทือนต่อต้นแม่ แต่ให้ตัดต้นหน่อจนเหลือแต่ตอสูงจากพื้นประมาณ 20-30 ซม. ไม่นานหน่อนั้นจะแตกยอดใหม่ และให้ตัดหน่อทุกครั้งเมื่อความสูง 80 ซม.- 1 ม. กว่าต้นแม่ออกเครือซึ่งอาจจะต้องตัดหน่อ 2-3 รอบ การตัดหน่อจะทำให้ตัวหน่อเองมีเหง้าขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อแยกนำไปปลูกจะได้ผลผลิตที่ดี
* ตอบสนองต่อปุ๋ยน้ำชีวภาพ (ทุกสูตร) และฮอร์โมนธรรมชาติ (ทำเอง) ดีมาก ถ้ามีการใช้ปุ๋ยน้ำชีวภาพตั้งแต่เตรียมดินจนถึงบำรุงต้นอย่างต่อเนื่อง ลำต้นจะสูงใหญ่มากจนอาจเกิดปัญหาในการค้ำต้นและการเก็บเกี่ยวผลผลิต แก้ไขโดยเมื่ออายุต้นได้ 90 วัน มียอดใหม่หลังตัดตอ ให้บำรุงทางใบด้วย 0-42-56 หรือ นมสัตว์สดหรือกลูโคส 2-3 รอบ ห่างกันรอบละ 20-30 วัน ควบคู่กับให้ทางรากด้วย 8-24-24 นอกจากจะทำให้ต้นเตี้ยลงแล้วยังช่วยให้ต้นได้สะสมอาหารเพื่อการออกดอก (ปลี) ซึ่งส่งผลให้ออกดอกดีอีกด้วย
* รากเจริญทางยาวได้เดือนละ 1 ม. ซึ่งจะเจริญทางยาวตลอด 3 เดือนแรก หลังจากนั้นไม่เจริญทางยาวอีกได้แต่แตกรากแขนงออกทางข้าง ดังนั้นการให้น้ำและธาตุอาหารทางรากจึงต้องให้แบบกระจายเต็มทั่วแปลงหรือ เต็มพื้นที่ทรงพุ่มรัศมี 2-3 ม.
* งดใช้ยาฆ่าหญ้าทุกชนิดโดยเด็ดขาด แต่ให้ใช้วิธีกำจัดหญ้าหรือวัชพืชด้วยการถอนแล้วปล่อยทิ้งไว้คลุมหน้าดิน ละอองยาฆ่าหญ้าที่ปลิวลมไปกระทบใบกล้วยจะทำให้ใบไหม้ นอกจากนี้ยาฆ่าหญ้าที่ปลิวลงสัมผัสพื้นดินโดยตรงและแทรกอยู่ในต้นหญ้าหรือ วัชพืช เมื่อต้นหญ้าหรือวัชพืชเน่าสลาย ยาฆ่าหญ้าก็จะละลายออกมาปนเปื้อนกับเนื้อดินทำให้ดินเป็นกรดอีกด้วย
* แปลงปลูกที่มีลมแรงควรมีไม้บังลม
* ไม่ควรปลูกซ้ำที่เดิมแบบรุ่นต่อรุ่น แนะนำให้แบ่งพื้นที่เป็นสองแปลง ระหว่างที่แปลงหนึ่งปลูกกล้วยนั้นอีกแปลงหนึ่งให้ปลูกพืชอายุสั้นบำรุงดิน เช่น ถั่วฝักยาว ถั่วเขียว ถั่วเหลือง หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วให้ไถกลบเศษซากต้นลงดินใช้เป็นปุ๋ยพืชสด และเมื่อแปลงที่กล้วยเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วก็ให้เปลี่ยนเป็นปลูกพืชตระกูล ถั่ว ส่วนแปลงที่เคยปลูกพืชตระกูลถั่วก็ให้เปลี่ยนเป็นปลูกกล้วยแทน สลับกันไปมาเช่นนี้จะทำให้ปลูกกล้วยและถั่วได้หลายรุ่น
* รากมีจุลินทรีย์แอ็คติโนมัยซิส การให้จุลินทรีย์หน่อกล้วยตั้งแต่ช่วงเตรียมดินและให้ต่ออีกเป็นครั้งคราว (1-2 เดือน/ครั้ง) หลังจากหน่อยืนต้นได้แล้ว นอกจากช่วยบำรุงต้นแล้วยังช่วยบำรุงดินอีกด้วย
* ธรรมชาติจะออกเครือทางทิศตรงข้ามกับไหลที่งอกออกมาจากต้นแล้วเกิดเป็นหน่อ เสมอ เมื่อต้องการให้ต้นออกเครือมาทางทิศใดก็ให้หันด้านตรงข้ามกับไหลไปทางทิศ นั้น ถ้ากล้วยทุกต้นออกเครือทางทิศด้านเดียวกันพร้อมกันทั้งแถวจะช่วยให้การ ปฏิบัติงานง่ายขึ้น
* แต่ละต้นย่อมมีหลายหน่อ หน่ออยู่ลึกเป็นหน่อสมบูรณ์ดีกว่าหน่ออยู่ตื้น เพื่อให้หน่อทุกหน่อเป็นหน่อสมบูรณ์ก็ให้พูนโคนต้นให้สูงขึ้นด้วยเศษซากพืช แห้งหรือดินเลนก้นร่อง
* อายุต้น 4-6 เดือน (ตามชนิดสายพันธุ์) หลังปลูก จะเริ่มมีหน่อ ให้ตัดต้นหน่อทิ้งไปเพื่อไม่ให้ต้นแม่ต้องรับภาระส่งอาหารไปเลี้ยงหน่อซึ่ง เกิดใหม่ จะทำให้ต้นแม่มีสารอาหารส่งไปเลี้ยงผลบนต้นอย่างเพียงพอ หรือระหว่างที่ต้นมีเครืออยู่หรือยังไม่เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วมีหน่อแทงขึ้น มาก็ให้ตัดต้นหน่อทิ้งทุกครั้ง ยกเว้นหน่อที่จะเก็บไว้ให้โตต่อแทนต้นแม่
* ระหว่างต้นมีเครืออยู่ ถ้าขุดแยกหน่อออกมาจะทำให้ต้นแม่ชะงักการเจริญเติบโต
* เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตหรือตัดเครือแล้วให้ล้มต้นแม่ นำเศษซากต้นแม่ออก จากนั้นบำรุงหน่อต่อไปจนได้ขนาดเหง้าและลำต้นใหญ่ตามต้องการ การแยกหน่อจะทำได้หลังจากตัดเครือและล้มต้นแม่แล้วเท่านั้น
* ปลูกกล้วยแบบ รุ่นต่อรุ่น หมายถึง การปลูกให้ได้ผลผลิตพร้อมกันทั้งแปลง ด้วยระยะปลูก 2.5 X 2 ม. หลังจัดเก็บเกี่ยวแล้วล้มต้น นำเศษซากต้นออก ขุดแยกหน่อที่มีทั้งหมดออก ปรับปรุงบำรุงดินและจัดแปลงใหม่ จากนั้นลงมือปลูกใหม่พร้อมกันทั้งแปลง ซึ่งจะทำให้ได้ผลผลิตพร้อมกันทั้งแปลงเหมือนการปลูกครั้งแรก..........การ ปลูกแบบหลุมละ 2 ต้นแล้วจัดระยะห่างระหว่างต้น/แถวเพิ่มขึ้นอีก 1 ม.เป็น 3.5 X 3 ม. จะทำให้ได้จำนวนต้นเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่แปลงปลูกด้วยระยะ 2.5 X 2 ม. หรือพื้นที่เท่าเดิม
* ปลูกกล้วยแบบ ปลูกครั้งเดียวเก็บเกี่ยวผลผลิตหลายรุ่น หมายถึง การปลูกครั้งแรกแบบพร้อมกันทั้งแปลงหรือไม่พร้อมกันก็ได้ด้วยระยะห่าง 4 X 4 ม. หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตต้นใดแล้วนำเศษซากต้นแม่ออกพร้อมกับขุดแยกหน่อ ตามออกทั้งหมด ให้คงเหลือหน่อชิดที่อยู่คนละด้านของต้นแม่ไว้ 2 หน่อ เพื่อให้เจริญเติบโตเป็นต้นแม่ในรุ่นต่อไป ซึ่งหน่อชุดใหม่ที่คงไว้นี้จะให้ผลผลิตได้ไม่ต่างจากต้นแม่
* การปลูกกล้วยแบบ มีผลผลิตตลอดปี ให้แบ่งแปลงปลูกเป็นส่วนๆ (โซนนิ่ง) 3-4 แปลง แล้วปลูกกล้วยแต่ละรุ่นให้ห่างกัน 3-4 เดือน แปลงไหนแก่ก่อนเก็บก่อนและแปลงไหนแก่ทีหลังเก็บทีหลัง แต่ละแปลงจะมีกล้วยแก่ให้ทยอยเก็บ 2-3 เดือน เมื่อรวมทุกแปลงแล้วทำให้มีผลผลิตขายตลอดปี
* หน่อหรือต้นแม่เมื่อไม่ต้องการเก็บไว้ทำพันธุ์ต่อให้ทำลายโดยตัดตอ คว้านไส้กลางให้เป็นแอ่งแล้วหยอดน้ำมันพืชหรือน้ำมันก๊าดลงไป 1 ช้อนโต๊ะ เหง้าของหน่อหรือต้นแม่นั้นจะเน่าไม่แตกยอดใหม่ขึ้นมาอีก จากนั้นจะเน่าสลายกลายเป็นปุ๋ยต่อไป
* ช่วงยังไม่ออกเครือควรให้มีใบ 10-12 ใบ ช่วงกำลังออกเครือให้มีใบ 9-10 ใบ และช่วงผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยวให้มีใบ 4-5 ใบก็พอ
* ใบกล้วยมีนวลใบมาก การฉีดพ่นสารอาหารทางใบจึงต้องใช้สารจับใบร่วมด้วยทุกครั้ง
* การปลูกกล้วย (ทุกสายพันธุ์) ให้ได้ผลผลิตเก็บเกี่ยวพร้อมกันหรือระยะเวลาใกล้เคียงกันต้องใช้ต้นพันธุ์ จากเพาะเนื้อเยื่อ
* เทคนิคการบำรุงด้วย ฮอร์โมนสมส่วน + ธาตุรอง/ธาตุเสริม อย่างสม่ำเสมอตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงให้ผลผลิตเก็บเกี่ยวจะช่วยให้ได้ต้น สมบูรณ์ ผลขนาดใหญ่ ยาว เนื้อแน่น กลิ่น รส และสีดี
* วิธีรักษากล้วยให้สุกช้า หลังจากตัดเครือลงมาจากต้นแล้วให้นำลงแช่น้ำในโอ่งจนท่วมทั้งเครือหรือตัด ออกเฉพาะหวี แช่นาน 3-5-7 วัน ตามความต้องการยืดอายุนานสุด ระหว่างแช่อยู่ในน้ำนี้กล้วยจะไม่สุกแต่จะนิ่งอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งนำขึ้นจากน้ำ ผึ่งลมให้แห้งแล้วบ่ม กล้วยก็จะเริ่มสุกเองตามปกติ
* บำรุงกล้วยให้รสชาติหอมหวาน ก่อนตัดเครือ 7-10 วัน ให้เจาะลำต้นด้านบน ณ ความสูง 3 ใน 4 ของความสูงลำต้นจากพื้น หรือเจาะลำต้นด้านล่าง ณ ความสูงจากพื้น 1 ฝ่ามือ เลือกเจาะจุดใดจุดหนึ่งด้วยไม้ปลายแหลมมนขนาดตะเกียบ ลึกถึงไส้กลาง 3 รูของทั้ง 3 ด้านเป็นแฉกเหมือนตรารถเบนซ์ ให้ปลายรูทั้ง 3 ชนกันที่ไส้กลางพอดี ใส่ "แป้งข้าวหมาก"
ลงไปจนเต็มรูทั้ง 3 แล้วปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นจนถึงเก็บเกี่ยว เมื่อนำไปบ่มจนสุกแล้วรับประทาน
จะมีกลิ่นหอมรสหวานขึ้น บางคนบอกว่ามีกลิ่นและรสแอลกอฮอร์น้อยๆทำให้รับประทานได้
อร่อยขึ้น
* ก่อนตัดเครือ 2-3 อาทิตย์ ฉีดพ่นด้วยน้ำคั้นมะเขือเทศสุก ให้ทั่วต้นแต่เน้นที่เครือ
โดยตรง 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 1 อาทิตย์ หลังจากตัดเครือและนำไปบ่มจนสุกแล้วจะได้
รสชาติและกลิ่นดีมาก
* ใช้เกลือแกง 1-2 กำมือ + ปุ๋ยคอกแห้งเก่าค้างปี 2-3 กก. ผสมดินปลูกรองก้นหลุม
นอกจากช่วยป้องกันหนอนและด้วงงวงเจาะเหง้าได้แล้วยังบำรุงผลให้รสชาติดีอีกด้วย
* คลุมโคนต้นด้วยผักปอด (ทั้งต้นและราก) ผสมปุ๋ยคอกจะช่วยบำรุงต้นให้สมบูรณ์ หน่อมาก ผลดกและคุณภาพดี
* ห่อผลหลังจากตัดปลี 20-30 วัน ด้วยกระสอบปุ๋ยทั้งใบ หรือวัสดุอื่นที่ขนาดใหญ่สวมกล้วยได้ทั้งเครือ ตัดส่วนก้นกระสอบเปิดให้อากาศผ่านได้ หรือใช้ใบกล้วยทั้งก้าน 3-4 ก้าน ผูกโคนก้านกับเครือด้านบน จัดใบปิดหวีกล้วยให้มิดชิด ผูกรวบปลายใบที่ห่อให้เรียบร้อย..........เครือที่ห่อด้วยใบกล้วยมีคุณภาพดี กว่าห่อด้วยกระสอบปุ๋ย
* ช่วงติดเครือใหม่ๆยังไม่ห่อผล ควรตัดใบล่างทิ้งเพื่อไม่ให้กวัดแกว่งไปถูกผลเพราะจะทำให้ผิวผลมีตำหนิได้
* เครือกล้วยมีขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก จำเป็นต้องค้ำต้นด้วยการใช้ไม้ไผ่ลำขนาดเท่าแขน ยาวหรือสูงกว่าเครือกล้วย 1-1.5 ม.จำนวน 2 อัน ใช้เชือกปอพลาสติกทบกันหลายๆชั้นยาวประมาณ 50-80 ซม.ผูกปลายไม้ค้ำทั้งสองด้านให้แน่น ค้ำต้นโดยสวมเชือกเข้าหาเครือตรงๆไม่ต้องไขว้ปลายไม้ ให้น้ำหนักเครือกล้วยอยู่บนเชือกนั้น ขยับปลายไม้ที่พื้นกางออกแล้วปักลงดินในลักษณะที่ต้นกล้วยเอนลงเล็กน้อย ......หรือใช้ไม้ไผ่ลำขนาดเท่าแขน 1 ลำ แนบลำต้นด้านหลังของเครือ แทงไม้ลงดินยิ่งลึกยิ่งดี ใช้เชือกผูกต้นกล้วยเข้ากับหลัก หลายๆทบ แน่นพอประมาณ 3-4 เปราะจากโคนถึงคอ ไม้หลักนี้จะช่วยรั้งลำต้นไว้ไม่ให้เอนมากกว่าที่เป็นอยู่ขณะนั้นได้
* ปลูกกล้วยตัดใบโดยเฉพาะให้ปลูกระยะห่าง 2 X 2 หรือ 2 X 3 ม.
การเตรียมหน่อพันธุ์ (ทุกสายพันธุ์)
- เลือกหน่อพันธุ์ที่เป็นหน่อชิด (หน่อแรกที่ออกมาจากต้นแม่) ใบแคบหรือใบธง (ยังไม่กางแผ่) เหง้าใหญ่ ลำต้นตรง ปลายเรียว ถ้าเป็นหน่อที่ผ่านการตัดตอขณะที่ยังอยู่กับต้นแม่มาแล้ว 2-3 รอบซึ่งจะมีเหง้าขนาดใหญ่ หลังจากนำลงปลูกแล้วตัดตออีกเพียงรอบเดียวแล้วบำรุงต่อได้เลย
- หน่อรากลึกสมบูรณ์กว่าหน่อรากตื้น และหน่อเหง้าใหญ่ให้ผลผลิตดีกว่าหน่อเหง้าเล็ก
- หน่อเหง้าเล็กเมื่อนำลงปลูกจนแตกใบอ่อนชุดใหม่สูง 1-1.20 ม.ให้ตัดต้นเหลือแต่ตอแล้วบำรุงเรียกใบใหม่ เมื่อใหม่ออกมาจนต้นสูง 1-1.20 ม.ก็ให้ตัดตอเหนือรอยตัดครั้งแรก 1 ฝ่ามือ ทำซ้ำอย่างนี้ 3รอบ ห่างกันรอบละ 1-1 เดือนครึ่ง ก็จะได้หน่อเหง้าใหญ่เช่นกัน เรียกว่า เลี้ยงหน่อสร้างเหง้า การตัดจะตัดกี่รอบก็ได้ ต้นแม่หรือหน่อจะไม่ตายตราบเท่าที่ต้นแม่ยังไม่ออกเครือ
- เหง้ากล้วยมีตา เมื่อเฉือนเหง้าออกเป็นชิ้นรูปลิ่ม ให้มีตาติดอยู่ชิ้นละ 1-2 ตา แล้วนำไปเพาะในกระบะเพาะด้วยวัสดุเพาะธรรมดาๆ ตาจากเหง้าจะงอกขึ้นมาเป็นหน่อได้ 1 ตาต่อ 1 หน่อ สามารถนำไปปลูกได้เช่นกัน แต่ต้นอาจจะไม่สมบูรณ์เท่าหน่อปกติ
- ได้หน่อกล้วยมาแล้วตัดส่วนลำต้นออกให้หมดเหลือแต่เหง้า นำลงปลูกโดยให้ส่วนลำต้นชี้ลงดิน ส่วนใต้เหง้าชี้ขึ้นด้านบน กลบดินหลุมปลูก คลุมหลุมปลูกด้วยเศษพืชแห้ง ให้น้ำปกติ เหง้ากล้วยต้นนั้นจะแตกหน่อ 3-5 หน่อ/เหง้า ซึ่งหน่อทั้งหมดนี้สามารถให้ผลผลิตที่ดีได้
- การขุดแยกหน่อจากต้นแม่ควรขุดให้ตั้งฉาก ใช้มีดคมๆตัดก้าน (ไหล) น้ำเลี้ยง ยกขึ้นตรงๆ ห้ามโยกเด็ดขาดเพราะจะทำให้เหง้าช้ำ โดยเฉพาะกล้วยหอมกับกล้วยไข่ต้องระวังเป็นพิเศษ
- หน่อที่แยกออกมาจากต้นแม่แล้ว ถ้ามีใบมากเกินไปให้ลิดใบทิ้งเหลืองเพียง 1-2 ใบ พร้อมกับตัดใบแห้งกาบแห้งออกให้หมด หรือถ้าหน่อมีความสูงมากเกินไปให้ตัดลำต้นแล้วต้นจะแตกยอดขึ้นมาใหม่เอง
- หน่ออ่อนอายุยังน้อยหรือหน่อใบกว้างเป็นหน่อไม่สมบูรณ์ไม่ควรใช้ทำพันธุ์ ส่วนหน่อใบแคบหรือใบธงเป็นหน่อสมบูรณ์เหมาะสำหรับใช้ทำพันธุ์
- หน่อแรกที่ออกมาจากต้นแม่เรียกว่า หน่อชิด เป็นหน่อสมบูรณ์เหมาะสำหรับใช้ทำพันธุ์ ส่วนหน่อที่เกิดต่อลำดับจากหน่อชิดเรียกว่า หน่อตาม เป็นหน่อสมบูรณ์น้อยกว่าหน่อชิด เมื่อนำลงปลูกแล้วต้องบำรุงเลี้ยงเหง้าให้ใหญ่เสียก่อน
- วิธีขุดแยกหน่อจากต้นแม่ออกมาแล้วนำลงชำในถุง เลี้ยง (อนุบาล) ในโรงเรือนจนกระทั่งได้ใบใหม่ 2-3 ใบจึงนำลงปลูกในแปลงจริงจะช่วยให้ต้นแตกรากใหม่และโตเร็วกว่าการนำหน่อที่ แยกจากต้นแม่แล้วนำลงปลูกในแปลงจริงเลย
เตรียมแปลง
สวนยกร่องน้ำหล่อ :
สันแปลงสูงกว่าพื้นระดับปกติ 30-50 ซม. กว้าง 4-5 ม. ร่องน้ำกว้าง 1.5-2 ม.ที่ผิวน้ำ ลึก 50-80 ซม. ก้นสอบกว้าง 30-50 ซม. ใส่น้ำในร่องน้ำให้มีน้ำหล่อตลอดเวลา ระดับผิวน้ำต่ำกว่าระดับสันร่อง 30-50 ซม.หรืออยู่เสมอระดับพื้นเดิม
สวนพื้นราบยกร่องแห้งหรือลูกฟูก :
สันแปลง (ลูกฟูก) เหมือนสวนยกร่องน้ำหล่อแต่ร่องระหว่างแปลงกว้าง 1.5-2 ม.ไม่มีน้ำหล่อ ก้นสอบหรือไหล่ร่องเอียง
ระยะปลูก
- สันแปลงกว้าง 4-5 ม. ถ้าต้องการปลูก 2 แถว ให้ปลูกแบบสลับฟันปลาริมสันร่อง ถ้าสันแปลงกว้าง 3-4 ม.ให้ปลูกแบบแถวเดี่ยวกลางสันร่อง..........ทั้งสองแบบระยะห่างระหว่างต้น 3-4 ม.
- ปลูกแบบ รุ่นต่อรุ่น ให้ปลูกระยะห่าง 2.5-3 ม.
- ปลูกแบบครั้งเดียวได้ ผลผลิตตลอดปี ให้ปลูกระยะห่าง 4 X 6 ม.
เตรียมดินและอินทรีย์วัตถุ
- ใส่ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ/นกกระทา....แห้งเก่าข้ามปี) ปีละ 2 ครั้ง
- ให้ยิบซั่มธรรมชาติ ปีละ 2 ครั้ง
- ให้กระดูกป่น ปีละ 1 ครั้ง
- คลุมโคนต้นด้วยเศษพืชแห้งหนาๆเต็มพื้นที่บริเวณทรงพุ่มล้ำออกไปถึงนอกเขตทรงพุ่ม
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิงหรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน/ครั้ง
หมายเหตุ :
- การฝังซากสัตว์ เช่น หอยเชอรี่ ปลาสด เป็นชิ้นเท่าลูกมะนาวหรือบดละเอียด ที่ชายเขตทรงพุ่ม 4-5 หลุม/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม. ฝังปีเว้นปี เพื่อให้ต้นมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม. ต่อเนื่องหลายๆปีจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์สูงพร้อมต่อการบำรุงทุกขั้นตอน
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ (ทางใบ-ทางราก) บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นหยุดการเจริญเติบโต ไม่แตกใบอ่อน ผลหยุดขยายขนาดแล้วกลายเป็นผลแก่ การให้ทางใบอาจเป็นแหล่งอาศัยและแพร่ระบาดของเชื้อราได้
- ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อ ต้นมีสภาพความสมบูรณ์สูง
ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อกล้วย
(ทุกสายพันธุ์)
1. ระยะต้นเล็ก
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล. + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารจับใบ 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นให้เปียกโชกทั้งใต้ใบบนใบลงถึงพื้นดินโคนต้น ช่วงเช้าแดดจัด ทุก 7-10 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 23 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7 (1-2 กก.)/ไร่ ด้วยการรดโคนต้นจนโชกแฉะเต็มพื้นที่แปลงปลูกหรือปล่อยร่วมกับน้ำไปตามร่อง แถวปลูก ทุก 20-30 วัน
- ให้น้ำปกติ ทุก 3-5 วัน
หมายเหตุ :
- การให้ปุ๋ยทางรากสูตร 25-7-7 จะช่วยให้ได้ใบขนาดใหญ่หนาเขียวเข้ม เป็นใบที่มีคุณภาพดีกว่าใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ
- เนื่องจากใบกล้วยมีนวลใบมาก การฉีดพ่นทางใบควรผสมสารจับใบด้วย ฉีดพ่นแล้วให้สังเกตว่าน้ำที่ฉีดพ่นไปนั้นเปียกทั่วใบจริงหรือไม่ การใช้สารจับใบครั้งแรกอาจจะต้องใช้มากกว่าปกติเพื่อละลายนวลใบออกไปหลังจาก นั้นจึงใช้ในอัตราปกติได้
- หลังจากตัดตอทุกครั้งควรให้ธาตุอาหารทั้งทางใบและทางรากเพื่อรักษาความชื้นแฉะอยู่เสมอ
- ให้ฮอร์โมนบำรุงราก. ปุ๋ยน้ำชีวภาพระบิดเถิดเทิง. ไคตินไคโตซาน. 1-2 เดือน/ ครั้ง
จะช่วยบำรุงเหง้าทั้งต้นแม่และหน่อมีขนาดใหญ่เร็วขึ้น
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
2. ระยะก่อนแทงปลี
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล. + 0-42-56 (400 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ติดต่อกัน 2-3 รอบ ห่างกันรอบละ 7-10 วัน ฉีดพ่นให้เปียกโชกทั้งใต้ใบบนใบลงถึงพื้น ติดต่อกัน 1-2 เดือน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24 (1-2 กก.) สำหรับพื้นที่ 1 ไร่/เดือน
- ให้น้ำปกติ ทุก 5-7 วัน
หมายเหตุ :
- เริ่มบำรุงเมื่ออายุต้น 170-180 วัน หลังแตกยอดที่เกิดจากตัดตอครั้งสุดท้าย กรณีที่ให้ 25-7-7 ทางรากจะทำให้ต้นสูงใหญ่มาก อาจจะทำให้การเข้าไปปฏิบัติงานไม่สะดวก แก้ไขโดยเมื่อเห็นว่าต้นมีความสูงพอสมควรแล้ว แม้ว่าอายุต้นจะยังไม่ได้ตามกำหนดก็ตาม แนะนำให้ทางใบด้วย “0-42-56 + ฮอร์โมนไข่ + กลูโคสหรือนมสัตว์สด” คู่กับให้ทางรากด้วย 8-24-24 ได้เลย วิธีนี้นอกจากจะช่วยลดความสูงของต้นไม่ให้สูงต่อได้แล้ว ยังเป็นการสะสมอาหารก่อนออกปลีได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
- การแทงปลีของต้นกล้วยก็คือการออกดอกของไม้ผลทั่วๆไป ดังนั้นเพื่อให้ต้นได้มีการสะสมอาหารเพื่อการออกดอกหรืออั้นตาดอกได้สมบูรณ์ ดียิ่งขึ้นควรเสริมด้วยธาตุอาหารกลุ่มสะสมตาดอกอื่นๆ เช่น นมสัตว์สดหรือกลูโคส 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 20-30 วัน ทั้งนี้ กล้วยไม่จำเป็นต้องเปิดตาดอกเหมือนผลไม้ทั่วไป เมื่อต้นได้รับธาตุอาหารกลุ่มสะสมตาดอกเต็มที่ก็จะแทงดอก (ปลี) ออกมาเอง
- ระยะต้นเล็กถึงก่อนแทงปลีให้ตัดแต่งใบเหลือ 12-13 ใบ
- อายุต้น 90-120 วันหลังปลูกแตกใบอ่อนชุดแรกจะเริ่มมีหน่อแทงขึ้นมา เมื่อหน่อโตสูงได้ 90 ซม.-1 ม.ให้ตัดตอหน่อเหลือตอสูงจากพื้น 15-20 ซม. หลังจากตัดตอหน่อแล้วจะแตกใบอ่อนออกมาอีกก็ให้ตัดตออีกเมื่อตอสูง 90 ซม.-1 ม.เช่นกัน และให้ตัดทุกครั้งจนกว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิต การตัดตอแต่ละครั้งให้แผลครั้งหลังสูงกว่าแผลครั้งแรก 1-2 ฝ่ามือ มีดที่ใช้ตัดต้องคมจัดเพื่อให้แผลช้ำน้อยที่สุดก็จะแตกใบอ่อนชุดใหม่ได้เร็ว
- การตัดหน่อด้วยมีดหรือเคียวคมๆทำให้แผลไม่ช้ำ จากนั้นประมาณ 10-15 วัน จะมีหน่อใหม่แทงขึ้นมา ถ้าไม่ใช้มีดหรือเคียวคมๆตัดหน่อแล้วใช้วิธีเหยียบหน่อให้ล้มลง โคนหน่อช้ำ แบบนี้จะทำให้หน่อแทงใบใหม่ช้า ซึ่งอาจต้องใช้เวลา 1-2 เดือน ทำให้ประหยัดเวลา
4. ระยะเริ่มแทงปลี
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล. + 15-45-15 (400 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + เอ็น
เอเอ. 100 ซีซี. + ฮอร์โมนไข่ 50 ซีซี. + สารจับใบ 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นให้เปียกโชกทั้งใต้ใบบนใบลงถึงพื้นดินโคนต้น ทุก 7-10 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24 (1-2 กก.)/1 ไร่ ทุก 20-30 วัน
- ให้น้ำปกติ ทุก 5-7 วัน
หมายเหตุ
- ก่อนแทงปลีจะมี “ใบธง” ลักษณะม้วนกลมชี้ตรงขึ้นฟ้าแทงออกมาก่อน หลังจากปลีออกมาเป็นงวงชี้ลงล่างแล้วใบธงก็จะกลายเป็นใบปกติ
- การที่ในเครือกล้วยมีจำนวนหวีน้อยหรือหวีสุดท้ายปลายเครือเป็น “ตีนเต่า” เร็วเกินไป เนื่องมาจากต้นได้รับธาตุอาหารไม่สมดุล และบำรุงตั้งแต่ขั้นตอนเตรียมหน่อและระยะต่างๆก่อนแทงปลีไม่ดีพอ
- เริ่มให้ฮอร์โมน เอ็นเอเอ. เมื่อปลายปลีแทงพ้นโคนก้านใบธงขึ้นมาประมาณ 1 ฝ่ามือ 2-3 รอบห่างกันรอบละ 7-10 วัน จนกระทั่งตัดปลีจะช่วยให้เกสรสมบูรณ์ ผสมติดเป็นผลได้มากขึ้น ส่งผลให้ในเครือมีจำนวนหวีมาก และแต่ละหวีก็จะมีจำนวนผลมากขึ้นด้วย
- ดอกกล้วย (ปลี) เป็นดอกสมบูรณ์เพศ เกสรกล้วยพร้อมผสมกันเองหรือรับการผสมจากต้นอื่นได้ทั้งช่วงกลางวันและกลาง คืน ช่วงกลางวันจะมีแมลงช่วยผสม ส่วนช่วงกลางคืนจะมีค้างคาวช่วยผสม หลังจากกลีบดอก (กาบหัวปลี) เปิดแย้มเต็มที่แล้ว ถ้าช่วยผสมด้วยมือโดยใช้พู่กันขนอ่อนยาวคุ้ยเขี่ยบริเวณเกสรให้มีโอกาสได้ ผสมกัน นอกจากจะช่วยให้ได้ผลผลิตมากขึ้นแล้วคุณภาพผลก็ดีขึ้นอีกด้วย
5. ระยะผลเล็ก
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล. + 21-7-14 (400 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + ฮอร์
โมนไข่ 50 ซีซี. + แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. + สารจับใบ 100 ซีซี. ฉีดพ่นให้เปียกโชกลงถึงพื้น ทุก 7-10 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก
- ใส่ยิบซั่มธรรมชาติ 10 เปอร์เซ็นต์ของอัตราการใส่เมื่อช่วงเตรียมดิน
- ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7 (1-2 กก.)/1 ไร่ ทุก 20-30 วัน
- ให้น้ำปกติ ทุก 5-7 วัน
หมายเหตุ :
เริ่มบำรุงหลังจากตัดปลี
6. ระยะขนาดกลาง
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 21-7-14 (400 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารจับ
ใบ 100 ซีซี. + ไคโตซาน 100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 7-10 วัน ฉีดพ่นให้เปียกโชกทั้งใต้ใบบนใบลงถึงพื้นดินโคนต้น
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 21-7-14 (1-2 กก.)/1 ไร่ ทุก 20-30 วัน
- ให้น้ำปกติ ทุก 5-7 วัน
หมายเหตุ :
- หลังจากตัดปลีแล้ว 20-30 วันให้ห่อผลด้วยถุงขนาดใหญ่ เปิดก้นระบายอากาศห่อทั้งเครือ หรือใช้ใบกล้วย 3-4 ใบผูกโคนก้านกล้วยกับก้านเครือ ปล่อยใบยาวตามเครือ จัดระเบียบใบกล้วยให้คลุมผลกล้วยทั้งเครือ มัดรวบช่วงปลายใบกล้วยที่ใช้ห่อกับมัดช่วงกลางพอหลวมอีก 1-2 เปราะ..........ก่อนลงมือห่อผลควรฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรกำจัดชื้อราและแมลง ให้เปียกโชก นอกจากช่วยกำจัดเชื้อราแล้วยังกำจัดไข่ของแม่ผีเสื้อไม่ให้ฟักออกเป็นตัว หนอน ป้องกันแมลงวันทองและยังทำให้ผิวสวย คุณภาพเนื้อในดีอีกด้วย
- ระยะบำรุงผล (หลังตัดปลี) ถึง ผลแก่ก่อนเก็บเกี่ยว ตัดแต่งใบให้เหลือไว้ประมาณ 9-10 ใบ
- เมื่อเห็นว่าเครือเริ่มใหญ่และน้ำหนักมากขึ้นให้ค้ำต้น
- ถ้าต้นติดผลดกมากควรให้แม็กเนเซียม 1-2 รอบ โดยแบ่งให้ตลอดช่วงผลกลางจะช่วยให้ต้นไม่โทรมเนื่องจากรับภาระเลี้ยงผลมาก
- ให้กำมะถัน 1-2 รอบตลอดช่วงผลกลางจะช่วยบำรุงให้กลิ่นและสีดี
7. ระยะผลแก่ก่อนเก็บเกี่ยว
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล. + 0-21-74 (400 กรัม) หรือ 0-0-50 (400 กรัม) สูตรใดสูตรหนึ่ง + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. หรือ น้ำ 100 ล. + มูลค้างคาวสกัด 100 ซีซี. + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วันก่อนเก็บเกี่ยว ฉีดพ่นทางใบให้เปียกโชกทั้งใต้ใบบนใบลงถึงพื้น
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก
- ให้ 13-13-21 หรือ 8-24-24 (1-2 กก.)/ไร่
- ให้น้ำกับปุ๋ยแล้วงดน้ำจนถึงวันเก็บเกี่ยว
หมายเหตุ :
- ให้ก่อนเก็บเกี่ยว 7-10 วัน
- เมื่อผลกล้วยส่วนโคนเครือแก่ได้ประมาณ 3 ใน 4 ของจำนวนหวีทั้งเครือ ใบจะเริ่มเหี่ยวเหลืองเนื่อจากไกล้หมดอายุต้น ใบที่เหี่ยวเหลืองแล้วนี้จะไม่สังเคราะห์สารอาหาร เป็นเหตุให้จำนวนหวีส่วนปลายเครือ 3 ใน 4 ไม่ได้รับสารอาหาร หรือได้รับน้อยกว่าปกติ จังหวะนี้หากมีการให้ “ฮอร์โมนน้ำดำ” หรือ “แมกเนเซียม” 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 7-10 วัน ก็จะช่วยบำรุงให้ใบยังคงเขียวสด สังเคราะห์สารอาหารต่อไปได้ จนกระทั่งผลของหวีสุดท้ายปลายสุดของเครือแก่จัด