What is e-mail Marketing :
E-mail marketing, Mailing-list หรือ Newsletter ล้วนมีความคล้ายคลึงกัน คือ การทำการตลาดด้วยการส่งอีเมลไปถึงลูกค้าที่ให้อีเมลแก่เรา
- E-mail marketing นั้นมีความหมายตรงตัวคือการทำการตลาดด้วยอีเมล
- Mailing-list นั้นจะหมายถึงการจัดเก็บอีเมลของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราโดยไม่เน้นว่าจะ ทำการตลาดหรือไม่ก็ตามซึ่งเป็น Subset ของ e-mail marketing
- Newsletter ซึ่งมีความหมายว่าจดหมายข่าวเป็น Subset ของ mailing-list อีกทีหนึ่ง
การที่ให้ทำ ความเข้าใจกับคำศัพท์ก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อที่เราจะได้ไม่ไขว้เขวหรือสับสน ว่าทั้งสามอย่างนี้เป็นการทำการตลาดที่ต่างกันนะครับ เพราะว่าเรามักจะได้ยินหลายคนพูดถึงศัพท์สามคำนี้ในแง่มุม สถานการณ์ หรือหัวข้อที่ต่างกันไป
มาว่ากันถึง จดหมายข่าว (Newsletter) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่อิทธิพลที่จำเป็นต้องมีไว้เพื่อให้ลูกค้าทำการซื้อ สินค้าจากเราอีกครั้งหรือทำให้ผู้เยี่ยมชมกลับเข้ามายังเว็บไซต์ของเราอีก หลักการง่ายๆ คือ ขั้นแรกทำการจัดเก็บอีเมล์ของลูกค้า โดยให้ลูกค้า/ผู้เยี่ยมชมลงทะเบียนฟรีเพื่อรับจดหมายข่าว หลังจากเราได้อีเมลลูกค้าจำนวนหนึ่ง (หรือจำนวนมาก) ก็ให้ทำการเริ่มต้นส่งบทความออกไปอย่างน้อยเดือนละครั้ง บทความที่เขียนไม่ควรจะบอกลูกค้าไปทั้งหมดในอีเมล เราควรทำให้ลูกค้ารู้สึกสนใจหรือตื่นเต้นชวนติดตามไปอ่านต่อยังเว็บไซต์ของ เรา
เราอาจใส่หัว ข้อ What’s new ลงไปในจดหมายข่าวได้ด้วยเพื่อทำการบอกถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ การปรับปรุงหรืออัพเดทเว็บไซต์ และเรายังสามารถใช้พื้นที่ในจดหมายข่าวในการโฆษณาได้ครับ (โฆษณาอาจจะใช้ Affiliate, มากกว่าหาคนมาลงโฆษณานะครับ หรือแล้วแต่จะครีเอทครับ)นอกเหนือจากนี้เราอาจจะทำแบบสำรวจหรือทำการร่วม สนุกชิงรางวัล และถ้าหากเรามีปริมาณรายชื่ออีเมลจำนวนมาก เราอาจทำการเปรียบเทียบระหว่างการลงรายชื่อเพื่อร่วมสนุก กับลงรายชื่อเพื่อรับข่าวสาร ว่าอย่างไหนที่ได้รับความสนใจมากกว่ากัน และดูว่าลูกค้าของเรามีพฤติกรรมอย่างไรบ้าง? หรือใครคือลูกค้าที่ดีที่สุดของเรา? Take care your best friends.
How to write a hot e-mail :
9-10 ของคนทั่วไปมักใช้อารมณ์ในการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ เพราะฉะนั้นหากเราต้องการโฆษณาขายสินค้าหรือบริการผ่านช่องทาง Email การเขียนอีเมล์ให้น่าสนใจ และกระตุ้นผู้อ่านให้เกิดความรู้สึกต้องการเป็นเจ้าของสินค้าหรือใช้บริการ นับเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก
Email เป็นการสื่อสารในรูปแบบไม่เป็นทางการ เป็นการสื่อสารที่อยู่ระหว่างการสื่อสารด้านโทรศัพท์หรือพูดคุยแบบเผชิญหน้า กับการสื่อสารด้วยตัวอักษรแบบเป็นทางการ ซึ่งสามารถสร้างความคุ้นเคยให้เกิดขึ้นได้ในทันทีดังนั้นหากเราต้องารทำ Email Marketing วัตถุประสงค์เพื่อโฆษณาสินค้าและบริการ โดยปรกติศิลปะการขายจะเริ่มต้นและอาศัยการวิเคราะห์พฤติกรรม ความคิดพื้นฐานด้านจิตวิทยามนุษย์ สิ่งใดที่เป็นสิ่งเร้าทำให้คนตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ
หากคุณต้อง การเขียนอีเมล์เพื่อโฆษณาให้ประสบความสำเร็จสิ่งที่คุณควรจะต้องคำนึงถึง อยู่ตลอดเวลานั่นคือ ต้องเข้าใจพฤติกรรมและการตอบสนองของผู้รับที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเรา ซึ่งในหนังสือ Email Marketing การตลาดด้วยอี-เมล์ ของไอ เอ็ม บุ๊คส์ได้กล่าวไว้ดังนี้
1. ผู้รับอีเมล์จะอ่านอีเมล์แบบกวาดตาดู (Scan) อย่างรวดเร็ว จากผลสำรวจของ Niel 2000 ได้กล่าวว่าร้อยละ 79 ของผู้รับอีเมล์มีพฤติกรรมการอ่านอีเมล์แบบกวาดตาอ่านอย่างรวดเร็วมากกว่า การตั้งใจอ่านแบบคำต่อคำ ดังนั้นหากเราต้องการเขียนอีเมล์ให้เป็นที่สะดุดตาแก่ผู้อ่าน เราก็ควรที่จะสร้างสิ่งที่เป็นจุดเด่นหรือเรียกความสนใจจากผู้รับอีเมล์ ซึ่งสามารถทำได้หลากหลายวิธีเช่น
• ใช้ตัวอักษรหนา หรือเพิ่มขนาดตัวอักษรกับคำที่ต้องการเน้นเป็นพิเศษ
• ใช้หัวเรื่องรอง แทนการอธิบายความหมายที่ยืดยาว
• ใช้ Bulleted Lists ซึ่งหมายถึง การใช้สัญลักษณ์ รูปภาพขนาดเล็ก ตัวเลข เป็นเครื่องหมายนำสายตาวางไว้หน้าข้อความ หรือข้อเสนอของคุณ เพื่อสร้างความสนใจ หรือทำให้สะดุดตา เช่น เครื่องหมายดอกจัน เป็นต้น
• ในหนึ่งย่อหน้า ให้นำเสนอความคิดเพียงหนึ่งข้อเท่านั้น
• เริ่มต้นด้วยการสรุปใจความสาระสำคัญเพื่อดึงดูดผู้อ่าน
• ละถ้อยคำที่ไม่จำเป็น ฟุ่มเฟือย ซ้ำซ้อนทิ้ง
2. อีเมล์ถูกใช้เพื่อการสนทนาพูดคุย อีเมล์จึงมีคุณสมบัติที่นักการตลาดนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดในการ สนทนาพูดคุยกับลูกค้าได้มากกว่าและเหมาะสมกว่าสื่อประเภทอื่น และทำให้นักการตลาดสร้างความคุ้นเคยใกล้ชิดกับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าอีเมล์เป็นการสื่อสารในรูปแบบกึ่งเป็นทางการ และภาษาพูด ดังนั้นทำให้การสื่อสารผ่านทางอีเมล์นั้นเป็นเครื่องมือสื่อสารที่สามารถ สร้างความคุ้นเคยใกล้ชิดกับลูกค้าได้มากที่สุด
3. ผู้รับอีเมล์เกลียดชัง Spam เป็นความรู้สึกของคนทั่วไปที่เมื่อได้รับสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่นอกจากเราจะไม่ ได้มีความสนใจในสิ่งนั้นอยู่แล้ว และยังคงได้รับมันอย่างต่อเนื่อง ปรกอบกับเนื้อหาที่เสนอนั้นเป็นไปไม่ได้ไม่มีความน่าเชื่อถือ ย่อมสร้างความรู้สึกรำคาญและความเกลียดชังเกิดขึ้นต่อผู้ที่ได้รับอีเมล์ ดังนั้นในอีเมล์ที่คุณจะส่งไปยังลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายคุณจึงควรที่จะต้อง ใส่ใจกับอีเมล์ให้มากเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจและพิสูจน์ให้เห็นว่าอีเมล์และข้อมูลที่คุณส่งไปนั้นมีประโยชน์ ต่อพวกเขาจริงๆ
กฎ 5 ข้อเพื่อการเขียนอีเมล์โฆษณาที่ดี
1. เลี่ยงการอธิบายที่ซ้ำซ้อน และภาษาที่เยิ่นเย้อ ในการเขียนอีเมล์เพื่อการโฆษณานั้นไม่ควรที่จะเขียนข้อความซ้ำไปซ้ำมา อธิบายความยืดยาวเยิ่นเย้อ แต่คุณควรจะบอกเหตุผลกับผู้อ่านไปเลยว่าเพราะเหตุใดพวกเขาจึงได้รับอีเมล์ โฆษณาของคุณ แล้วเนื้อหาและข้อเสนอของคุณนั้นมีความน่าสนใจอย่างไร ด้วยการใช้ภาษาที่สั้น กระชับ ไพเราะ และเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายสิ่งหนึ่งที่คุณควรจะคำนึงก่อนที่จะส่งอีเมล์ นั่นก็คือการตรวจเช็คเนื้อหาข้อมูลให้ละเอียดมีความถูกต้องก่อนที่คุณจะส่ง อีเมล์โฆษณาไปให้กลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้อีเมล์โฆษณาของคุณดึงดูดผู้อ่านได้มากที่สุด
2. การใช้ภาษาพูด แนะนำให้เขียนอีเมล์ในรูปแบบที่เหมือนกับคุณกำลังสนทราอยู่กับผู้อ่านโดยตรง เป็นการสนทนาพูดคุยที่ลื่นไหล ให้ความรู้สึกสบายๆ เป็นกันเอง เหมือนการสนทนาระหว่างเพื่อสนิท ถึงแม้ผู้อ่านจะไม่ได้โต้ตอบกับคุณได้ในทันทีก็ตาม
3. อย่าเคร่งครัดกับหลักไวยากรณ์จนเกินไปเนื่องจากจะทำให้อีเมล์ของคุณนั้นดู เป็นทางการ เหมือนบทความทางวิชาการ ขาดสีสันความน่าสนใจ ความมีชีวิตชีวา ทำให้ไม่ดึงดูดใจผู้อ่าน การยึดติดกับความถูกต้องของหลักไวยากรณ์จนเกินไป กลับให้ผลตรงกันข้าม คือ ทำให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกเบื่อ และไม่ต้องการอ่านต่อจนจบ
4. ท่วงทำนองของภาษาเนื่องจากอีเมล์เป็นสื่อที่ไม่เหมาะสมกับการอ่านเป็นระยะ เวลานาน ดังนั้นคุณควรที่จะรู้จักการใช้ท่วงทำนองของภาษา และจังหวะจะโคน การเว้นวรรค การขึ้นย่อหน้ า ใหม่ เพื่อสร้ า งคว ามต่อเนื่อง ความลื่นไหลในการอ่าน จนเกิดการคล้อยตามในที่สุด
5. สร้างความรู้สึกรักและชื่นชอบในสิ่งที่คุณต้องการขาย ความรู้สึกรักและชื่นชอบในสิ่งใดเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้คนเราลงมือทำ สิ่งต่างๆ ด้วยความรัก ความตั้งใจ เพื่อให้ผลลัพธฺออกมาดีที่สุด การเขียนอีเมล์โฆษณาก็เช่นเดียวกัน ถ้าคุณมีความรู้สึกรัก และชื่นชอบในสิ่งที่คุณต้องการขาย คุณก็จะสามารถเขียนถึงจุดเด่น และข้อดีของสินค้าได้ด้วยภาษาที่เต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกดีๆ แต่ถ้าคุณไม่ได้รักในสิ่งนั้น คุณก็ต้องสร้างความรู้สึกรัก และชื่นชอบนั้นขึ้นมา จำไว้ว่าอารมณ์และความรู้สึกที่คุณมีต่อสินค้าสามารถส่งไปยังผู้อ่านได้
do and don't of email marketting
Email Marketing คือ การโฆษณาผลิตภัณฑ์สินค้า และการบริการผ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ email จากผลสำรวจของ Nectec พบว่า คนไทยทำกิจกรรมบนอินเทอร์เน็ตมากที่สุด ได้แก่ การใช้ email เป็นอันดับ 1 ในหลายปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าปี 2551 ที่ผ่านมา จะตกเป็นอันดับ 2 เพราะพ่ายแพ้ให้ แก่การพึ่งพิงการค้นหาข้อมูลอย่าง Search Engine ไปบ้าง แต่ก็ยังถือว่าเป็นจำนวมมากอยู่ดี ส่วนต่าง ประเทศนั้น ไม่ต้องพูดถึงเลยเพราะแทบทุกเว็บไซต์มีการใช้ email marketing กันทั้งนั้น เพราะมันคือ การทำการตลาดแบบดีที่สุดบนโลกออนไลน์ มาดูกันดีกว่าว่า ในการทำ eMail Marketing นั้น อะไรเป็นสิ่งที่น่าสนใจอยู่บ้าง ในการเขียน email marketing
1.การตั้ง ชื่อเรื่อง (Subject) การตั้งชื่อเรื่องนั้น ควรตั้งให้โดดเด่นและตรงกับเนื้อหาที่เขียนในเมล์ อาจจะเป็นการเขียนโปรโมชั่น เพื่อดึงดูดใจให้ลูกค้าทราบว่า ต้องรีบเปิด รีบคลิก และรีบซื้อ!!
2.ตั้งชื่อ ผู้ส่ง (Sender)ชื่อผู้ส่งก็มีผลเป็นอย่างมาก ในการให้ลูกค้าจดจำหรือสร้างความน่าสนใจให้เปิดอ่านeMailฉบับนั้นๆ โดยควรทำชื่อผู้ส่งให้มีเอกลักษณ์เฉพาะ จะทำให้ผู้อ่านมองเห็นได้ง่ายสะดุดตาขึ้นเมื่ออยู่รวมๆ กันใน Inbox เช่น การใช้สัญลักษณ์ ++, หรือ ### เป็นต้น
3.ให้ความใส่ ใจกับผู้รับข่าวสาร (In Hearth) การทำ eMail Marketing นั้น เป็นการทำตลาดแบบ 1:1 ดังนั้น ในการส่ง email นั้นควรมีการระบุชื่อของผู้รับลงไปในอีเมล์อย่างชัดเจน เช่น ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเสนอโปรโมชั่นให้กับคุณ เอ เป็นต้น จะทำให้ผู้รับรู้สึกว่า มีความใกล้ชิดและเป็นกันเองเมื่อได้อ่านพร้อมถึงความรู้สึกไว้ใจได้ ในการซื้อสินค้าหรือบริการ
4.เขียน เนื้อหา (Content)การเขียนเนื้อหาเป็นสิ่งที่เหมือนง่ายแต่ก็ยากสุดในเวลาเดียวกัน เพราะการทำ eMail Marketing ที่ดีนั้นถ้ามีเนื้อหาที่ไม่ดี ไม่ตรงกับสิ่งที่ผู้รับต้องการ eMail นั้นก็จะกลายเป็นสิ่งไร้ค่าและเป็น eMail ขยะไปในสายตาของผู้รับกันเลยทีเดียว ดังนั้นการเขียนเนื้อหาใน eMail ให้ดีนั้น ควรจะมีความกระชับ เข้าใจง่าย อ่านง่าย สบายตาและที่สำคัญควรจะเป็น eMail ที่ทุกคนสามารถเปิดอ่านได้ ไม่ใช่ได้รับมาแล้วรูปภาพไม่เห็น มองไม่เห็นแม้กระทั่งข้อความ หรือตัวอักษรแบบนี้ถือว่าใช้ไม่ได้ ดังนั้นควรจะใช้ eMail ให้อยู่ในรูปแบบที่อ่านง่ายและอ่านได้ในเวลาเดียวกัน
5. หัวข้อเนื้อหา (Bullet)เนื่องจากคนส่วนใหญ่ที่อ่าน eMail นั้นมักจะใช้วิธีสแกนเนื้อหาภายในเมล์ก่อนหาเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ก็จะอ่านเนื้อหานั้นอย่างละเอียด และหากภายในเนื้อหาของเรานั้นมีการแบ่งหมวดหมู่หัวข้อให้อ่านง่ายและตรง ประเด็นก็จะทำให้ eMail Marketing ของเราได้รับการตอบสนองดียิ่งขึ้น
6. หลีกเลี่ยงสีสัน (Color Font)การใช้ตัวอักษรเพื่อเน้นข้อความหลากสีสัน อาจทำให้ผู้รับสารรับรู้ได้ถึงความแตกต่างของเนื้อหาภายใน eMail แต่การทำเช่นนี้จะทำให้ระบบรับอีเมล์ของผู้รับมองว่าเป็น Spam Mail ได้ และนำ eMail ของเรานั้นไปใส่กล่องจดหมายขยะ (Junk Mail)
7. มีชื่อผู้ส่งออกอย่างชัดเจน (From)หากเป็นการสร้างเว็บไซต์แล้วลูกค้าจะมาซื้อสินค้า ลูกค้าจะมองหาความน่าเชื่อถือด้วยการมองหาสัญลักษณ์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่ามีเลขทะเบียนพาณิชย์หรือไม่? แต่หากเป็นการส่ง eMail การมีชื่อ-ที่อยู่ของผู้ส่งอย่างชัดเจนก็เหมือนเปรียบเลขทะเบียนการค้าภายใน เว็บไซต์นั่นเอง เพราะการมีชื่อที่อยู่อย่างชัดเจนนั้น จะทำให้สร้างความน่าเชื่อถือใน eMail ฉบับนั้นๆ ว่าไม่ได้เป็นการขายสินค้าที่หลอกลวง
8. สามารถให้ยกเลิกการรับข่าวสาร (Unsubscribe) การทำ eMail Marketing ต้องมี link สำหรับให้ผู้รับสาร สามารถยกเลิกการรับจดหมายข่าว (Unsubcribe) ได้ตลอดเวลาใน eMail ที่ส่งไปทุกครั้ง และปกติแล้วจะให้ผู้รับสามารถยกเลิกการรับ eMail ได้โดยจัดให้อยู่บริเวณด้านล่างของ eMail ที่สำคัญคือให้มันอยู่ด้านล่างลงไปเยอะๆ จะทำให้ ให้ผู้รับมีโอกาสยกเลิกการรับเมล์น้อยลง
โดยปกติแล้ว คนส่วนใหญ่ที่ยกเลิกการรับข่าวสาร (Unsubscribe) นั้นมีสาเหตุหลักๆ มาจากการให้เนื้อหาที่ไม่ตรงกับความต้องการของผู้รับสาร เช่น ผู้รับมาสมัครเป็นสมาชิกของเว็บไซต์ Candy แต่เนื้อหาและข่าวสารที่ได้รับกลับเป็นการเรียกให้ไปเข้าพักโรงแรม เป็นต้น
อีกเรื่องที่ เป็นสิ่งที่ต้องให้ความใส่ใจมากก็คือ จำนวนการส่ง eMail ในแต่ละเดือนหากมีการส่ง eMail ออกไปจำนวนมาก ผู้รับสารอาจจะรู้สึกรำคาญและยกเลิกการรับข่าวสารได้ ดังนั้นเดินทางสายกลางจะดีที่สุด คือ อย่ามากไป และอย่าน้อยไป
หลายท่านอาจสงสัยว่า แล้วการทำ eMail Marketing ต่างกับ การทำ Spam Mail อย่างไร? ให้สังเกตง่ายๆ ดังนี้
การ ทำ eMail Marketing เกิดจากผู้รับ สนใจสินค้าหรือบริการจากผู้ขาย แล้วมาลงทะเบียนชื่อ eMail เอาไว้ แต่การทำ Spam Mail คือ การไปซื้อรายชื่อ eMail ของผู้อื่นแล้วมาจัดทำเป็น eMail Selling ซึ่งการทำมาลงทะเบียนชื่อ eMail ไว้ที่หน้าเว็บไซต์นั้น แบ่งออกได้เป็นทั้ง Opt-in และ Double Opt-in
การทำ eMail Marketing สามารถให้ผู้รับสาร ยกเลิกการรับข่าวสารจากผู้ส่งเมื่อใดก็ได้ แต่การทำ Spam Mail นั้น ไม่สามารถยกเลิกได้ (เพราะเราไม่เคยสมัคร) หรือบางครั้งเมื่อคลิกที่จะยกเลิกการรับข่าวสาร กลายเป็นว่า เราได้ไปยืนยันว่า eMail นี้มีผู้รับและอ่านข้อความนี้จริงเสียอีกด้วย ดังนั้นอะไรที่เป็นการทำเกิด Spam Mail ก็ควรหลีกเหลี่ยง แล้วหันมาทำ eMail Marketing ที่ดีและเป็น ประโยชน์กันเถอะ
บทความคัดลอกมาจาก iBusiness Magazine สามารถดาวน์โหลดได้ที www.infogination.com
Credit by ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ www.trawut.com