สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เตาเผาถ่าน กับ น้ำส้มควันไม้


เตาเผาถ่าน 200 ลิตรนั้น แยกประเภทออกเป็น 2 ชนิด คือ เตาเผาถ่านแบบตั้ง
หรือแบบปล่อยขนานข้างเตา และแบบนอน สามารถเผาถ่านได้มีประสิทธิภาพ
สูงกว่าเตาเผาถ่านแบบดั้งเดิม ประมาณ 1.2 – 1.5 เท่า เตาเผาถ่าน 200 ลิตร
ใช้หลักความร้อนเป็นตัวไล่ความชื้น ดังนั้นถ่านที่ได้ออกมาจะมีคุณภาพ
สารก่อมะเร็งต่ำ ขี้เถ้าน้อย และผลพลอยได้ที่ได้จากการเผาถ่านอีกอย่าง คือ
“น้ำส้มควันไม้ หรือ Wood Vinegar”

 

น้ำส้มควันไม้ คือ ควันที่เกิดจากการเผาถ่านในช่วงที่ไม้กำลังเปลี่ยนเป็น
ถ่านเมื่อทำให้เย็นลง จนควบแน่น และกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ ของเหลวที่ได้
เรียกว่า “น้ำส้มควันไม้” แต่ก่อนที่จะนำมาใช้ประโยชน์ได้ต้องพักทิ้งไว้ เป็น
เวลา 3 เดือน ให้เกิดการตกตะกอน เมื่อเกิดการตกตะกอนแล้วจะ
แยกตัวออกเป็น 3 ส่วน ส่วนบนสุด คือน้ำมันเบา ชั้นกลางคือน้ำส้มควันไม้
และชั้นล่างที่ตกตะกอนคือน้ำมันทาร์ จากนั้นจึงทำการแยกส่วนที่เป็น
น้ำส้มควันไม้ออกมาใช้ประโยชน์ต่อไป


คุณประโยชน์ของน้ำส้มควันไม้ ไม่เพียงแต่ใช้ทำเป็นสารกำจัดศัตรู
พืชเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆได้อีก เช่น ใช้เป็นสาร
เร่งการเจริญเติบโตของพืช รักษาแผลสด แผลน้ำร้อนลวก ส่วนในด้านอุต
สาหกรรม ใช้ในการผลิตสารดับกลิ่นตัว ใช้เป็นยารักษาโรคผิวหนัง
เหตุที่ต้องให้ความสำคัญกับน้ำส้มควันไม้ เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาโดย
ไม่ต้องทำการลงทุนใดๆ เป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นผลพลอยได้ ที่เกิดขึ้นจาก
การเผาถ่าน

ขั้นตอนกรรมวิธีในการเผาถ่านด้วยเตา 200 ลิตร มีดังนี้

ลำดับแรกเริ่มจากการนำเชื้อเพลิงมาจุดไฟ ให้ความร้อนกระจายเข้าไปใน
เตา เพื่อไล่ความชื้นที่อยู่ในเตาและเนื้อไม้ออกไป ซึ่งในตอนแรกนี้ควันที่
เกิดจากการเผาไหม้ จะมีลักษณะเป็นสีขาวที่มีกลิ่นเหม็นของกรดประเภท
เมธานอลในเนื้อไม้ เมื่อเผาถ่านได้สักพัก ควันจะเริ่มลดน้อยลงและเปลี่ยน
จากสีขาวเป็นสีเทา เมื่อควันเป็นสีเทาแล้วจึงค่อยๆลดเชื้อเพลิงลง เพราะ
ต่อจากนี้ไม้ในเตาจะเริ่มคลายความร้อน จนทำให้อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น จาก
นั้นรักษาระดับของอุณหภูมิให้ได้ที่ 25 – 120 องศาเซลเซียส รักษาระดับ
ให้ได้นานที่สุด เพราะที่อุณหภูมิเท่านี้จะเป็นช่วงที่สารในเนื้อไม้ถูกขับออก
มา เหมาะแก่การเก็บน้ำส้มควันไม้ที่สุด การปรับลดอุณหภูมิสามารถทำได้
โดยเลื่อนช่องพื้นที่หน้าเตา ที่มีไว้เพื่อให้อากาศภายนอกเข้ามา ให้เริ่ม
สังเกตที่ควันอีกครั้งจะเริ่มเปลี่ยนจากสีเทาค่อยๆกลายเป็นสี น้ำเงิน จึงหยุด
เก็บน้ำส้มควันไม้ หลังจากนั้นไม้ที่ทำการเผาจะเปลี่ยนสภาพกลายเป็นถ่าน
ในจังหวะนี้ต้องเร่งอุณหภูมิให้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สังเกตดูที่ควันอีกครั้ง
เมื่อควันสีน้ำเงินเปลี่ยนเป็นสีฟ้า แสดงถึงการที่ไม้เริ่มกลายเป็นถ่านเกือบ
หมดแล้ว และเมื่อเกิดควันใส ให้ทำการปิดปากเตา ปล่องไฟ และนำดิน
เหนียวมาอุดรูรั่วทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่มีอากาศไหลผ่านเข้าไปในเตาได้
จากนั้นเกลี่ยดินที่อยู่บริเวณหลังเตาออก เพื่อระบายความร้อน ทิ้งไว้
ประมาณ 8 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยให้ถ่านเย็นลงจึงนำออกมาใช้ได้


การสังเกตจากสีของควันไฟ เพื่อให้ได้มาซึ่งถ่านหุงต้มที่ใช้ในครัวเรือน
น้ำส้มควันไม้ที่นำมาใช้แทนยาฆ่าแมลงที่เป็นพิษ แสดงให้เห็นว่าชาวบ้าน
ได้ใช้วิถีชาวบ้านโดยแท้ ในการผลิตสิ่งของเพื่อใช้ในการอำนวยความ
สะดวกต่อการดำรงชีวิตได้ โดยนำสิ่งรอบตัวมาทำการดัดแปลง ประยุกต์
โดยปราศจากเทคโนโลยีที่ทันสมัย ปลอดจากเสียงรบกวนของเครื่องจักร
หากแต่มีเพียงธรรมชาติที่ยั่งยืน ขอเพียงแค่มีธรรมชาติที่ถาวรอยู่กับชาวบ้าน
เพียงเท่านี้ก็จะทำให้คงไว้ซึ่ง “วิถีชาวบ้านที่แท้จริง”

(ท่านสามารถติดตามรายละเอียดของการทำงานได้ในตอนต่อไป)

เรียบเรียงโดย
นางสาวธัญญารัตน์ คชารัตน์
นางสาวศศิธร ศรีสัมพันธ์

ที่มา คัดลอกจาก http://www.energy.go.th/MOEN/ActivityDetail.aspx?id=154

view